- เครื่องปรับอากาศ

- ขับรถตอนกลางคืน






เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่านเกี่ยวกับ การตั้งครรภ์และคลอดบุตร

มารู้จักพัฒนาการของทารกในครรภ์ (กันอีกครั้ง)
เมื่อคุณแม่ไปฝากครรภ์ครั้งแรก
อาการแรกเริ่มของการตั้งครรภ์
บริหารร่างกายระหว่างตั้งครรภ์
บุหรี่กับการตั้งครรภ์
แอลกอฮอล์กับคุณแม่ตั้งครรภ์
ระหว่างตั้งครรภ์ควรทานอะไรดี
กำเนิดชีวิต
เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์
สุขภาพหลังคลอด
ทารกเจริญเติบโตอย่างไรในครรภ์
อาการข้างเคียงขณะตั้งครรภ์
พัฒนาการของทารกในครรภ์
การฝากครรภ์
สุขภาพของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์
การรู้เพศทารกก่อนดีหรือไม่ด
อาหารการกินระหว่างตั้งครรภ์
เตรียมตัวไปคลอด
ว่าด้วยเรื่องความวิตกกังวลยามตั้งครรภ์
จากวินาทีแรกที่คุณรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ คุณรู้ว่าต่อไปหลายสิ่งหลายอย่าง รอบข้างคุณจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ของคุณเอง ความรู้สึกที่มีต่อ รูปร่างของตัวเอง หรือกังวลเกี่ยวกับลูกที่กำลังจะเกิดมา บางทีคุณอาจคิดวิตกไปถึง อนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นยังไงบ้าง แล้วยังความสัมพันธ์ต่างๆ ไม่ว่ากับสามี เพื่อน ฝูง หรือญาติพี่น้องอีกล่ะ….ถึงยังไงก็ตาม ชีวิตคุณก็ต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าคุณจะ ท้องหรือไม่ก็ตาม คุณก็ต้องเป็นตัวคุณเองอยู่ดี การปรับตัวในช่วงที่คุณตั้งครรภ์จึง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนคุณยอมรับไม่ได้หรอกค่ะ


อารมณ์ของคุณแม่แปรปรวนง่ายจัง

ทำไมนะ เวลาคนเราท้องเนี่ย จะให้คนท้องมีอารมณ์หรือมีความรู้สึกอย่างอื่นบ้างไม่ ได้เลยหรือไง… คุณแม่ตั้งครรภ์อาจกำลังคิดอย่างนี้อยู่ก็ได้ คนรอบข้างมักจะคาด หวังให้คุณรู้สึกเฝ้ารอทารกน้อยน่ารักที่อยู่ในท้องออกมาชมโลก หรือคิดว่าคุณจะ ต้องรู้สึกสดชื่น แจ่มใส หรือตื่นเต้นกับการท้องตลอดเวลา คุณเองก็อาจคิดแบบนี้ เหมือนกันว่าคุณกำลังท้อง คุณน่าจะรู้สึกยินดี ตื่นเต้น ตลอดเวลา อันที่จริงแล้ว 9 เดือนที่ตั้งครรภ์ก็เหมือนกับ 9 เดือนอื่นๆ ในชีวิตของคุณโดยทั่วไป ที่มีบางช่วงคุณ ก็รู้สึกดีใจ มีความสุข หรือบางอารมณ์ที่คุณหดหู่ เบื่อ และเซ็ง แต่การตั้งครรภ์ สามารถทำให้เพิ่มเหตุผลได้อีกหลายข้อที่ทำให้คุณรู้สึกเครียด, แย่ เช่นเดียวกับ สร้างเหตุผลสนับสนุนอีกหลายข้อในการที่จะทำให้คุณมีความสุข สดชื่น ดีใจ และ ตื่นเต้นในชีวิต

ทั้งนี้เพราะว่าฮอร์โมนในร่างกายของที่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวการทำให้คุณรู้สึกอ่อน เพลีย ง่วงเหงาหาวนอน และคลื่นไส้ วิงเวียนในช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ และมี ส่วนทำให้อารมณ์ของคุณเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้นด้วย คุณอาจรู้สึกตัวว่า คุณช่างเป็น นางเอกเจ้าน้ำตา หรือนางผู้ร้าย ตัวอิจฉาที่วีนใส่ผู้คนเก่งเหลือเกิน คุณอารมณ์เสีย ได้ง่ายๆ เลยล่ะ จะบอกให้

นอกจากนั้น ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้อารมณ์หงุดหงิด เครียดหนักเข้า ไปอีก เช่น สถานะการเงินของคุณกำลังยอบแยบคุณก็เกิดตั้งท้องขึ้นมา ทีนี้จะเอา อะไรกินกันดีล่ะ บ้านก็ยังผ่อน งานก็กำลังจะโดนเลย์ออฟ รถก็กำลังจะโดนยึด หรือ คุณอาจจะรู้สึกกังวลว่า ตัวเองจะเป็นแม่ที่ดีกับเค้าได้มั้ยนี่ คุณจะเลี้ยงลูกเป็นหรือ เปล่า และคุณก้อยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่คนเล้ย…และท้ายสุดอาจจะรู้สึกเครียด เพราะว่าสาเหตุมาจากสามีคุณเอง หรือญาติพี่น้องของเค้าที่พากันอยากได้หลาน ชาย หรืออื่นๆ อีกมากมาย

  • ทางที่ดีที่สุด เพื่อขจัดความเครียดให้หมดไป ถึงแม้ว่าคุณจะแก้ปัญหาชีวิต บางอย่างไม่ได้ แต่คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้พูดคุย ระบายความในใจ ถึงความรู้สึก ของตัวคุณเองให้ให้สามี, เพื่อนฝูง, คุณแม่, ญาติผู้ใหญ่ใกล้ชิดที่สนิทสนม นับถือฟัง อย่างตรงไปตรงมา ความรู้สึกของคุณก็อาจจะดีขึ้นได้นะคะ ทั้งยังช่วยให้สามีเข้าใจ คุณมากขึ้นอีกด้วย เพราะบางทีเค้าก็อาจจะไม่ทราบก็ได้ว่าคุณเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็ ร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจโดยไม่มีเหตุผล

  • คุณเองก็ต้องพยายามรักษาสุขภาพของตัวเองด้วยเช่นกัน ทานให้อิ่ม ทานอาหาร ที่มีประโยชน์ครบหลักโภชนาการ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะถ้าคุณ เหนื่อย อ่อนเพลีย นอนน้อย คุณก็จะยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายหนักเข้าไปอีก

  • อย่าให้ความรู้สึกที่ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ต้องทำลายความสุขของคุณ เพราะคุณไม่ กล้าออกไปเที่ยวไหน ไม่กล้าทานอาหารที่คุณชอบ ไม่กล้าออกกำลังกาย คุณควร พยายามทำกิจวัตรประจำวัน และสิ่งที่คุณชอบไปตามปกติ ถ้าคุณสงสัย ว่ากิจกรรม บางอย่างคุณสามารถทำได้หรือไม่ในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์ ก็ปรึกษาหมอสูติฯ ของคุณสิคะ คุณหมอก็จะตอบคำถามคุณให้หายข้องใจได้ คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลา มานั่งวิตกกังวลโดยเปล่าประโยชน์

    อย่างไรก็ตาม ขอให้คิดเสียว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนเราที่จะต้องมีเรื่องวิตกกังวล บางอย่างเข้ามารบกวนจิตใจบ้าง ไม่ว่าคุณจะตั้งครรภ์หรือไม่ และไม่ว่าจะเนื่องมา จากสาเหตุใดก็ตาม หรือแม้ว่าคุณอาจจะหาสาเหตุไม่พบ ก็ควรอธิบายความในใจ ให้สามี หรือเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกับคุณให้คนเหล่านี้ฟัง หรือยกหูโทรศัพท์ไปคุยกับ คุณพ่อคุณแม่ของคุณก็ได้ ถ้าเป็นความวิตกเกี่ยวกับการตั้งครรภ์โดยเฉพาะก็พูดคุย ซักถามปรึกษาปัญหากับคุณหมอสูติ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น นะคะ ดีกว่ามานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจวิตกกังวลอยู่ตามลำพัง


    ต่อไปนี้เป็นความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ มาคุยกันดีกว่าค่ะ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

    วิตกจริตเรื่องการคลอดบุตร
    วิตกกังวลกลัวลูกจะออกมาพิการ
    วิตกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีและตัวคุณ


    วิตกจริตเรื่องการคลอดบุตร
    พูดกันตรงๆ ง่ายๆ เลยก็คือว่า คุณกลัวการคลอดลูกแทบตาย ไม่อยากนึกถึงวันที่ คุณจะต้องเข้าห้องคลอดเล๊ยจริงๆ ให้ตายเฮอะ

    ความวิตกกังวลที่ผู้หญิงเราเป็นกันมาก (เรียกว่าแทบจะเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้) นั่นคือ กลัวเรื่องการคลอดลูก ที่กลัวๆ ก็คือกลัวเจ็บนั่นแหล่ะถูกที่สุด ที่สำคัญกลัวว่า ตัวเราจะทนความเจ็บนั้นไหวหรือเปล่า ยิ่งดูละครน้ำเน่า (ก็เพราะน้ำเน่านี่แหล่ะถึง ชอบดู) เห็นนางเอก หรือนางไม่เอกทั้งหลายคลอดลูกกันแต่ละที เลือดตาแทบกระ เด็น โหนเชือก ร้องโอดโอยบ้าง ไม่ก็โดนเข็นไปขึ้นเตียงคลอด กระชากมือหมอ ดุ พยาบาล ตะโกนด่าสามี หน้าบูดเบี้ยว ร้องโหยหวน กว่าจะคลอดลูกได้ ดูท่าทำไม ทรมานหนักหนาสาหัส (ทีคลอดแล้ว ไม่ค่อยจะให้ดูถึงสีหน้าที่อาบไปด้วยความสุขที่ สุดในชีวิตของการเป็นพ่อและแม่) อ้ายคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์คลอดอย่างเราๆ มาก่อนก็ขวัญสยองไปตามๆ กันน่ะสิคะ

    แถมเป็นการยากเสียอีกที่จะให้คนเรามาจินตนาการว่า การเจ็บท้องจวนคลอดนั้น เป็นอย่างไร แม้ว่าจะมีหนังสือ หรือคนที่มีประสบการณ์พยายามอธิบาย วาดภาพ ให้ ฟัง แต่อย่างไรก็ตาม การที่คุณแม่มือใหม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวการคลอดบุตรล่วง หน้า ฝึกเตรียมร่างกายให้พร้อมตามที่เคยไปเข้าคอร์สอบรมการตั้งครรภ์คุณภาพก็ พอจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น ใจสู้มากขึ้น และพอจะควบคุมตัวเองได้ อย่างมั่นใจ

    นอกจากนั้น ก็ควรหาทางพูดคุยกับเพื่อนฝูงที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการคลอด บุตรมาก่อน ว่าเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าการคลอดบุตรของแต่ละคนนั้น อาจจะแตกต่าง กันไปก็ได้ แต่ก็พอจะช่วยให้คุณแม่เข้าใจ วาดภาพออกได้บ้างว่า จะเกิดอะไรขึ้น กับตัวเราบ้างในช่วงไหน อย่างไร และอย่าลืมปรึกษา ซักถามคุณหมอสูติถึงความ วิตกกังวลในเรื่องการคลอดบุตร คุณหมอจะได้อธิบายให้กระจ่าง และอาจใจดีพาคุณ ไปชมห้องคลอดก่อนวันจริงก็ได้ คุณจะได้คลายความวิตกกังวลลงไปได้บ้าง


    วิตกกังวลกลัวลูกจะออกมาพิการ
    ข้อนี้ดูเหมือนว่าก็กลัวเหมือนกันทุกคนล่ะค่ะ ว่าลูกเราจะเป็นยังไงบ้างหนอ ขอให้ออกมาสมบูรณ์แข็งแรงทุกประการเถอะไม่ว่าลูกจะเป็นผู้หญิงผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องสำคัญ บางคนคิดว่าการได้พูดคุยถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผยกับคนใกล้ชิดจะช่วยให้มีความรู้สึกดีขึ้น บางคนก็กลัวเสียจนไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ออกมาเลย นั่นก็แล้วแต่บุคคลนะคะ คุณผู้หญิงบางคนก็วิตกกังวลมาก และรู้สึกว่ายากที่จะควบคุมความรู้สึกให้ดีขึ้นมาได้ เพราะเชื่อแต่ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก ก็เพราะเป็นความผิดของแม่ที่อุ้มท้องมา

    ขอให้คิดว่า คุณแม่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกจะคลอดออกมาแข็งแรง สมบูรณ์ มี สุขภาพดี ด้วยการรับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ คุณก็สามารถตัดความเสี่ยงที่ลูกจะออกมาพิการไปได้บ้างแล้ว

    ถ้าหากว่ามีปัญหาบางประการที่รบกวนจิตใจให้เกิดความวิตกกังวลกลัวว่าลูกจะออก มาพิการ เนื่องจากมีญาติของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพิการไม่ว่าทางร่างกาย หรือทางสมอง สติปัญญา หรือญาติๆ เคยมีประวัติในการคลอดบุตรยากมาก หรืออื่นใด ก็ควร ปรึกษาคุณหมอสูติเพื่อขอคำแนะนำ


    วิตกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีและตัวคุณ
    ทีนี้ก็มาถึงความวิตกกังวลในเรื่องคู่ของเรากันเองแล้ว การตั้งครรภ์ของภรรยาอาจ ทำให้สามีหันมารักใคร่ เอาใจใส่ภรรยายิ่งกว่าเดิม เพราะตั้งตาหน้ารอเจ้าตัวน้อย ด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะถ้าเป็นลูกคนแรก บางครอบครัวก็ไม่พบว่ามีความเปลี่ยน แปลงแต่ประการใด เคยรักกันปานจะกลืนกินอย่างไรก็ยังหวานชื่นมื่นเหมียนเดิม บางครอบครัวก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก็บอกแล้วว่า แต่ละครอบครัว แต่ละคู่ก็แตก ต่างกันไป

    แต่เชื่อเถอะค่ะว่า เป็นเรื่องค่อนข้างจะธรรมดาสามัญซะเหลือเกินที่คุณทั้งคู่จะต้อง มีปากเสียงกันบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างที่คุณกำลังตั้งครรภ์ (ถ้าคู่ของคุณไม่เคย ก็ขอแสดงความยินดีด้วย) เรื่องที่คุณถกเถียงกันอาจเป็นเรื่องนิดหน่อย อาจจะเกี่ยว กับการมีลูกในครั้งนี้ หรือไม่เกี่ยวกันก็ได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณห่วงอนาคต ลูกที่กำลังจะเกิดมา และกังวลว่าสามีคุณจะเป็นคุณพ่อที่ดีได้แค่ไหน จะช่วยคุณ เลี้ยงลูกบ้างหรือเปล่า ฯลฯ

    สำคัญที่สุดคือ คุณต้องพูดจา หันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกัน คุณแม่กำลังตั้ง ครรภ์ก็อย่าเอาแต่ใจตัวเองมากนัก คุณพ่อก็อย่ากลับบ้านดึก ลดเวลาการประชุมลง บ้าง ไปงานเลี้ยงลูกค้าเท่าที่จำเป็น เปลี่ยนจากการตีกอล์ฟมาหัดท่าอุ้มลูกที่ถนัดมือ บ้าง พยายามปรึกษาหารือวางแผนการดำเนินชีวิตหลังเจ้าตัวเล็กออกมาชมโลกร่วม กันดีกว่า ว่า…. ใครจะเลี้ยงลูก คุณแม่ต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก หรือหาพี่เลี้ยง ดี หรือว่าจะฝากญาติผู้ใหญ่เลี้ยง ของใช้เสื้อผ้าลูกก็พยายามอย่าจับจ่ายใช้สอยราคา แพงมาก เดี๋ยวคุณพ่อหาเลี้ยงไม่ไหว ซื้อเท่าที่จำเป็นใช้ได้นานๆ คุณพ่อจะได้ไม่หัว เสีย ว่าคุณแม่ใช้เงินเปลือง อะไรแบบนี้…

    นอกจากนั้น เรื่องใกล้ๆ ตัวคือ คุณแม่อยากให้คุณพ่อเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนยามคลอด ลูกหรือไม่ คุณพ่อเดี๋ยวนี้ชอบเข้าไปเป็นกำลังใจคุณแม่อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณพ่อท่านใด เกิดเป็นคนขวัญอ่อน ไม่ชอบเห็นเลือด ไม่กล้าเข้าไปในห้องคลอด คุณแม่ก็อย่าไป บังคับเลยค่ะ แล้วก็ไม่ควรเปรียบเทียบกับครอบครัวอื่น เดี๋ยวคุณพ่อตัวจริงจะน้อยใจ สามีคุณแม่ดีที่สุดในโลกแล้ว (ไม่ดีจะเลือกมาแต่งงานด้วยเหรอ จริงมั้ยคะ) ค่ะ! ถึง แม้ว่าเค้าจะไม่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนในห้องคลอด แต่คุณพ่อของเราก็อาจช่วยคุณแม่ เลี้ยงลูกเก่งกว่าครอบครัวอื่นก็ได้นะคะ


    คุณล่ะคะ ตอนที่กำลังตั้งครรภ์ กลัวอะไรบ้างคะ เขียนมาเล่า หรือแสดงความคิดเห็น ให้ทราบกันบ้างสิคะ?

    BACK




    visit our sponsor
    visit our sponsor


    Home | ข่าวสุขภาพ | การตั้งครรภ์-การคลอด | การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ | ทารกแรกเกิด - ๑ ขวบ
    เด็กวัย ๑-๕ ขวบ | Working Mom | การเงินในครอบครัว | สาระน่ารู้ภายในบ้าน | Dad's Corner


    maeaom@hotmail.com
    Thaiparents.com 2000
    All rights reserved