|
วิธีสังเกตพี่เลี้ยงที่ทำงานไม่ได้เรื่อง |
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะที่คุณแม่จะรู้ว่าพี่เลี้ยงที่คุณจ้างมาดูแลลูกรักของคุณนั้น
ปฏิบัติหน้าที่ในการเลี้ยงดูลูกของคุณได้ดีแค่ไหน ทอดทิ้งลูกคุณหรือเปล่า
เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณ อาจจะทำตัวเป็นพี่เลี้ยงที่แสนดี
เอาใจใส่ลูกคุณเป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณไม่อยู่ล่ะคะ
คุณจะทราบได้อย่างไรว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
โดยเฉพาะถ้าให้เลี้ยงลูกเล็กๆ และลูกคุณก็ยังพูด
ไม่ได้เสียด้วยสิ
ถ้าคุณสอบถามจากพี่เลี้ยง เธอก็ต้องตอบว่าได้ดูแลน้องให้เป็น
อย่างดีแล้ว ฉะนั้น คุณก็ต้องหัดสังเกตปฏิกิริยาจากลูกคุณ
แล้วล่ะค่ะว่ามีท่าทีเป็นอย่างไรบ้างเพื่อประกอบการพิจารณา
พี่เลี้ยงของคุณอาจกำลังสร้างปัญหาให้คุณอยู่ก็ได้ ถ้าลูกคุณ.....
ลูกรักของคุณดูไม่ค่อยมีความสุขนักเมื่ออยู่กับพี่เลี้ยง
มีท่าทีตระหนกหวาดหวั่น และพัฒนาการถดถอย
แสดงว่าพี่เลี้ยงอาจจะพูดจากระโชกโฮกฮาก เสียงดัง ขมขู่ลูกคุณ
และชอบลงโทษลูกคุณถ้าไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าจะโดยทางคำ
พูดหรือทางร่างกาย เช่น ตี หยิก เพื่อให้เด็กเชื่อฟังพี่เลี้ยง
ลูกรักของคุณแม่มีอุบัติเหตุบ่อยเหลือเกิน
ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือควรจะหลีกเลี่ยง
อุบัติเหตุนั้นๆได้ เช่นเดี๋ยวก็หกล้ม, หัวโน, ยุงกัดเต็มตัว,
มีรอยฟกช้ำจากการชนขอบโต๊ะ เป็นต้น คือถ้าเกิดขึ้นนานๆ
ครั้ง ก็ไม่เป็นไร แต่ ถ้าเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่จำเป็น
ก็น่าเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ เพราะคนเป็นพี่เลี้ยงควรจะดูแล
ระมัดระวังลูกคุณตลอดเวลา และรู้ว่าลูกคุณกำลังทำอะไรอยู่
เพื่อคอยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น พี่เลี้ยงอาจจะทิ้งลูกคุณ
ให้เล่นหรือนอนหลับอยู่คนเดียว แล้วตัวเองไปทำอย่างอื่น
โดยไม่คอยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด
คุณเริ่มสังเกตเห็นว่าคำสั่งของคุณไม่ได้รับการฏิบัติ
ตามหลายครั้งแล้ว ทั้งคุณแม่และพี่เลี้ยงต่างต้องร่วม
มือซึ่งกันและกันในการเลี้ยงดูและดูแลลูกน้อย
ฉะนั้นพี่เลี้ยงไม่ควรที่จะปฏิบัติตัวราวกับว่ารู้ดี
ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกของคุณมากกว่าคุณซึ่งเป็นแม่
รวมทั้งวิธีการเลี้ยงดูซึ่งคุณควรจะเป็นผู้กำหนด
เองว่าลูกของคุณ -- คุณจะมีวิธีการเลี้ยงดูอย่างไร
เช่น หากคุณต้องการให้ลูกทานนมตามเวลาที่ลูกต้องการ
ไม่ใช่ให้ตามตารางเวลาที่กำหนดขึ้น พี่เลี้ยงก็ควรปฏิบัติตามนั้น
หากจะปฏิบัติแตกต่างก็ควรมีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอ
ชี้แจงให้คุณทราบว่ามีผลดีกว่าอย่างไร
ซึ่งควรจะปรึกษากัน ไม่ใช่ทำตามวิธีที่เคยปฏิบัติมา
ของพี่เลี้ยงเอง โดยไม่ฟังเสียงคุณซึ่งเป็นคุณแม่
พี่เลี้ยงที่ไม่รักษาเวลา ชอบกลับบ้านช้าหรือเลยเวลาที่สัญญาไว้
คุณแม่บางคนจ้างพี่เลี้ยงประเภทไปเช้าเย็นกลับ โดยจ้าง 12 ชั่วโมง
เริ่มงานเวลา 6 โมงเช้า และกลับเวลา 6 โมงเย็น
(ตามแต่ตกลงกัน) ฉะนั้นถ้าพี่เลี้ยงของคุณมาทำงานสายบ่อยๆ
แปลว่าคุณก็ต้องดูลูกให้จนกว่าพี่เลี้ยงจะมารับลูกไปดูแล
กิจวัตรประจำวันของคุณก็พลอยล่าช้าไปด้วย
รวมทั้งอาจทำให้คุณไปทำงานสายโดยไม่จำเป็น
หรือพี่เลี้ยงประเภทอยู่ประจำที่บ้านคุณ
และขอลากลับบ้าน 2 วัน ปรากฏว่าถึงเวลาก็ไม่กลับ
และยังไม่โทรศัพท์มาบอกด้วยว่าเป็นเพราะอะไร
หรือลาไปข้างนอก 1 วันสัญญาว่าจะกลับเวลา 6 โมงเย็น
ปรากฏว่ากลับ 3 ทุ่ม โดยไม่มีเหตุผลชี้แจงที่ดีพอ
อธิบายให้ทราบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า
จะเชื่อถือในเรื่องอื่นๆ ด้วยได้อย่างไร โดยเฉพาะงานที่เกี่ยว
ข้องกับการเลี้ยงดูลูกของคุณ เช่นคุณให้ลูกทานยาเวลานี้
ก็ไม่ควรให้ยาล่าช้าเกินเลยเวลาที่ควรจะให้ยา
ลูกของคุณแลดูเนื้อตัวสกปรก ไม่สะอาด
พี่เลี้ยงอาจจะปฏิบัติหน้าที่ในการเลี้ยงดูลูกคุณในข้ออื่นๆ
เป็นอย่างดี แต่ถ้าเธอไม่รักษาความสะอาดด้วยแล้วล่ะก็
แสดงว่ายังทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ เพราะการเลี้ยงดูและ
ดูแลเด็กๆ นั้น โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ หรือเด็กอ่อน
เรื่องความสะอาดเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด
เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพของเด็กด้วย หากไม่รักษา
ความสะอาดจะทำให้เด็กๆมีสุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยบ่อย
โดยไม่จำเป็น นอกเหนือจากนั้นพี่เลี้ยงคุณก็จะ
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการทำให้เด็กๆ ไม่รักความสะอาด
เมื่อคุณโทรศัพท์กลับบ้านเพื่อสั่งงานพี่เลี้ยง
ปรากฏว่าโทรกี่ครั้ง สายโทรศัพท์คุณก็ไม่ว่างเอาเสียเลย
ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าโทรศัพท์ที่บ้านคุณไม่เสีย
และไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากพี่เลี้ยงกับลูกของคุณ
ก็แสดงว่าพี่เลี้ยงคุณใช้เวลาทำงานผิดวัตถุประสงค์เสีย
แล้วล่ะค่ะ ควรจะให้เธอไปหางานเป็นโอเปอร์เรเตอร์
ดีกว่าที่จะมาเลี้ยงลูกคุณ พี่เลี้ยงควรจะคอยสอดส่องดู
แลเด็กๆ อย่างใกล้ชิด และอยู่กับลูกคุณตลอดเวลา
โดยไม่ดูทีวี และพูดธุระทางโทรศัพท์สั้นๆ เท่านั้น
นอกจากนั้น โทรศัพท์คุณก็ควรจะว่าง
หากมีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นจะได้โทรติดต่อกันได้ทันท่วงที
สำหรับลูกคุณที่โตสักหน่อย ปรกติปฏิบัติตามกฎ
ระเบียบประจำบ้านเป็นนิจ ปรากฏว่าหลังจากที่คุณ
รับพี่เลี้ยงคนนี้เข้ามา ลูกคุณก็กลายเป็นคนไม่รักษา
กฎระเบียบที่คุณวางไว้ประจำบ้าน เช่นหยิบหนังสือออก
ไปจากชั้นหนังสือก็ไม่เก็บเข้าที่, เล่นของเล่นแล้วทิ้ง
เกลื่อนกลาด, ทานข้าวไม่เป็นเวลา, ทานขนมก่อนทานข้าว,
ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น การมีพี่เลี้ยงที่เข้มงวดกวดขันเกินไป
ก็ไม่ดีนัก แต่การมีพี่เลี้ยงที่ไร้ระเบียบก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
เพราะพี่เลี้ยงที่ดีควรจะปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างแก่ลูกคุณ
เมื่อคุณไม่อยู่บ้าน ฉะนั้นพี่เลี้ยงควรจะสอนลูกคุณ
ให้รักษากฎระเบียบที่คุณวางไว้ด้วย
ลูกคุณเริ่มพูดจาไม่เรียบร้อยและหยาบคาย
หากลูกคุณเริ่มใช้ถ้อยคำที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อน
หรือมีกิริยาวาจาไม่สุภาพ หยาบคาย ไม่เหมาะสม
ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ลูกคุณจะได้มาจากพี่เลี้ยง
เช่นพูดคำหยาบ หรือใช้เท้าเปิดพัดลม, ถ่มน้ำลาย,
ขากเสลดฯ ดังนั้นคุณควรรีบสอบถามจากพี่เลี้ยง
และบอกให้เธออย่าได้ประพฤติกิริยาวาจาแบบนี้
ให้น้องเห็นอีกเป็นอันขาด แม้คุณจะคิดว่าลูกคุณ
อาจจะไปได้คำพูด, ท่าทางแบบนี้มาจากโรงเรียนก็ได้
แต่คุณก็ควรปรามพี่เลี้ยงด้วยเช่นกัน
เพื่อช่วยกันป้องกันไม่ให้ลูกคุณเคยชินคำพูด
และท่าท่างชนิดนี้จนติดเป็นนิสัย
ข้อสุดท้าย พี่เลี้ยงที่ชอบลักขโมย, พูดปดมดเท็จเป็นนิจ,
หรือไม่ซื่อสัตย์ไว้ใจไม่ได้ เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรอดทนต่อไป
เพราะลูกเป็นดวงใจของพ่อแม่ทุกคน การมีพี่เลี้ยงซึ่งจะ
ต้องคอยดูแลลูกรักของคุณนั้น ควรจะเป็นผู้ที่คุณไว้วางใจได้
ไม่ใช่คอยหวาดระแวงและต้องคอยตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา
และควรจะเป็นคนที่เชื่อถือในคำพูดได้
"ดิฉันเป็นหนึ่งในคุณแม่ที่ต้องทำงานและต้องใช้บริการพี่เลี้ยงเลี้ยงดูลูก
ในคุณแม่ที่ต้องทำงานและต้องใช้บริการพี่เลี้ยงเลี้ยงดูลูก รู้สึกเห็นด้วย
เป็นอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้ก็ประสบกับปัญหาที่จะเลือกพี่เลี้ยงที่ได้มาตรฐาน
จะหาพี่เลี้ยงมีที่มีประสบการณ์ก็รู้สึกว่าจะเก่งเกินไปไม่สนใจคำสั่งของเราา
พวกที่ไม่มีประสบการณ์ก็ทำงานไม่คล่องแคล่ว
ปัญหาที่ดิฉันเพิ่งประสบมาก็คือต่อหน้าพวกพี่เลี้ยงพวกนี้จะทำหน้าที่อย่างดี
แต่พอเราไม่อยู่ เป็นอีกอย่าง ที่ดิฉันทราบเพราะว่าที่บ้านติดกล้อง
พอแอบดูแล้วแทบจะลมใส่เพราะพวกนี้เค้าไม่ได้รักลูกเราเหมือนที่เรา
เห็นเลย เค้าทำตามหน้าที่เท่านั้น
พอลับหลังเรา ปล่อยปละลูกเรา ทิ้งเด็ก 5 เดือนนอนกับพื้นแข็งๆ
ส่วนตัวเองก็ไปคุยโทรศัพท์ และที่เห็นแล้วแทบทนไม่ได้ วิธีป้อน
กล้วยบด เอาเข้าปากตัวเองเคี้ยวแล้วให้ลูกเรากิน คนเป็นแม่ยัง
ไม่เคยทำเลย และที่สำคัญวิธีที่เค้าอุ้มลูกเรา จับแขนเด็กอ่อนหิ้วขึ้น
มาเหมือนหิ้วเป็ด หิ้วไก่ ดีนะที่ลูกดิฉันยังไม่เป็นอะไรไป ไม่เช่น
นั้นดิฉันคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
ดิฉันเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่ลูกดิฉันคนเดียวที่ต้องเผชิญกับพี่เลี้ยงเลวร้ายพวกนี้
แต่เด็กน้อยตาดำๆ ไม่รู้กี่คนที่ต้องเผชิญอยู่ตามลำพัง เพราะพ่อแม่เค้า
ไม่มีเวลามาดูแล หรือติดกล้องอย่างบ้านดิฉัน คิดแล้วเศร้าใจ ว่าเด็ก
อนาคตของชาติเหล่านี้ อาจติดนิสัยก้าวร้าว หรือ หวาดกลัว ไม่ไว้วางใจคนอื่น
เพราะสาเหตุเหล่านี้เอง คนเป็นแม่ทุกคนคงอยากจะเลี้ยงลูกที่แสนรักด้วยตัวเอง
แต่ในสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจะมีแม่ที่โชคดีเช่นนี้สักกี่คนที่สามารถทำได้"
Sunee Mahathanasathapat (sunee.maha@itochu.co.th) |
ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมจากคุณแม่ลูกสอง:
"ในยุคปัจจุบันที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายแยกบ้านมา
สร้างครอบครัวอยู่ต่างหาก และต้องทำงานนอกบ้านทั้งคู่
การหาพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมมา
ดูแลลูกที่ยังเล็กอยู่นั้น นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว
เพราะหายากมากกว่าจะได้ที่ดีๆ สักคน
ซึ่งบางครั้งค่าจ้างก็แพงด้วย ความจริงระบบประกันสังคม
น่าจะจ่ายค่าจ้างพี่เลี้ยงเด็กคนละครึ่งกับที่คุณพ่อคุณแม่
ต้องจ่ายนะคะ หรือคุณๆ คิดว่าอย่างไร พูดแล้วยาวค่ะ
ถึงแม้ว่ารัฐจะสนับสนุนเด็กไทยซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
ให้ได้รับการศึกษาจนจบภาคบังคับ แต่เด็กวัยทารก
แรกเกิดจนถึง 2 ขวบควรมีสวัสดิการจากรัฐมาดูแลบ้าง
ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เป็นฝ่ายดิ้นรนกันเอง
อย่างน้อยก็น่าจะจัดศูนย์ฝึกอบรมพี่เลี้ยงเด็กให้เป็น
มาตรฐานเดียวกันหมด แล้วจับลงทะเบียนเป็น
ทางการด้วยหากใครต้องการมีอาชีพเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
ดีกว่าต่างคนต่างฝึกแบบทุกวันนี้ ประวัติส่วนตัวและ
ประวัติการทำงานของพี่เลี้ยงเด็กแต่ละคนก็ตรวจสอบยาก
และลูกของเราซึ่งยังเล็กอยู่มาก
แถมยังพูดไม่ได้ต้องถูกทิ้งให้คนเหล่านี้เลี้ยงดูแทน....."
ความเห็นเพิ่มเติม กรุณาส่งมาที่
maeaom@hotmail.com |
|
|
|