Poj
visit our sponsor
กรุณาสนับสนุนสปอนเซอร์ของเรา
Ploy













เคล็ดลับพาลูกสู่รั้วโรงเรียน
สวัสดีค่ะ

ตอนนี้ลูกสาวคนโต (น้องมานี) ก็เข้าเรียนใน ชั้นเด็กเล็กเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ท่ามกลางความปิติยินดีของทุกฝ่าย แต่ก่อน หน้านั้นสิคะ ด้วยความที่เราเป็นห่วง ว่าลูกที่ได้รับการเลี้ยงดูอยู่กับตายายที่ต่าง จังหวัด ชนิดที่เรียกได้ว่าติดเป็นตังเม นั้น จะไม่สามารถปรับตัวได้ คุณแม่ก็เลย วางแผนให้ลูกลงคอร์สซัมเมอร์ดูก่อน ว่าเขาจะปรับตัวได้ไหม โดยเริ่มจากพา ลูกมาอยู่บ้านหนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดเรียน พร้อมกับมีคุณพ่อลาพักร้อนมาอยู่เป็น เพื่อนด้วย ระหว่างนั้นก็ให้คุณพ่อพาลูก ไปเที่ยว ไปเดินเล่นที่โรงเรียนวันละ 2-3 ชั่วโมงแล้วก็กลับ พอสัปดาห์ต่อมาก็ เป็นหน้าที่คุณแม่ค่ะที่ต้องลาพักร้อนหนึ่ง สัปดาห์เพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนลูกที่โรงเรียน ผลการปฏิบัติงานเป็นดังนี้ค่ะ วันแรกที่ไป โรงเรียนนะคะเราสองแม่ลูกก็ต้องพบ กับบรรยากาศที่แสนจะวุ่นวายและกระ จองอแงมากกกก...ของเด็ก ๆ ชั้นอนุบาล ที่โตกว่า ดิฉันก็แอบชำเลืองมองดูลูกว่า เขาจะคิดยังไง ลูกเราจะร้องตามหรือเปล่า พอถึงห้องเด็กเล็กเราก็พบเด็ก ๆ อยู่แล้ว 3 คน ดิฉันก็นั่งเล่นกับลูกอยู่สักพักจน เขาเริ่มคุ้นเคยกับคุณครูดีแล้ว ก็บอกลูกว่าแม่จะไปห้องน้ำนะจ๊ะเดี๋ยวมา

หลังจากนั้นก็เข้ามานั่งเล่นกับลูกใหม่สักพัก ก็บอกลูกว่าแม่ไปทานข้าวนะจ๊ะ แต่จริง ๆ แล้วก็ยืนแอบดูอยู่ตลอด ก็ปรากฏ ว่าลูกเล่นอย่างเพลิดเพลินมาก แถมยังทานอาหารกลางวันซึ่งก็บังเอิญเป็น ราดหน้าของโปรดไปอีก 3 จานรวด พร้อมผลไม้ด้วย ดิฉันเห็นเขากินจาน แรกหมดตั้งแต่เพื่อน ๆ คนอื่นยังไม่ได้ ตักเลยค่ะ ก็ยืนขำอยู่คนเดียว แล้วเขา ก็สามารถปฏิบัติตามที่คุณครูบอกทุก อย่างอีกด้วย เช่น เก็บถาดอาหาร เก็บ เก้าอี้ เปิดก็อกน้ำ ล้างมือ เช็ดมือ บ้วน ปาก บอกฉี่บอกอึได้หมด คุณครูยังชม กับคุณแม่เลยค่ะว่าเขาเก่งมากที่ช่วย เหลือตัวเองได้บ้างแล้ว เพราะน้องมานี ยังอายุไม่ถึงสองขวบเลย อายุน้อยที่สุด ในห้องแล้วค่ะ ก็ทำให้ดิฉันทึ่งในตัวลูก มากจริง ๆ จากที่ตั้งใจว่าจะให้อยู่แค่ครึ่ง วันก็เลยต้องให้เขาอยู่ต่อจนเลิกเรียน แล้วให้รถโรงเรียนไปส่ง วันต่อมาดิฉัน ก็ให้รถโรงเรียนมารับ โดยจะให้น้องสาว นั่งไปด้วยเพราะกลัวเขาจะงอแง ปรากฏว่าลูกยอมไปแต่โดยดีด้วยใบ หน้าอันเบิกบาน แต่แม่ก็ไม่วายเป็นห่วง ยังขับรถตามไปอีกค่ะ ไปถึงลูกก็เข้าห้อง เรียนแล้วกำลังเล่นสนุกอยู่ พอเห็นคุณ แม่เข้าก็งอแงเลยจะให้แม่พากลับบ้าน คุณครูก็เลยต้องมาหลอกล่อพร้อมกับส่ง สัญญาณให้คุณแม่รีบไปได้แล้ว อย่าได้ เป็นห่วงเลยอะไรทำนองนี้แหละค่ะ สุดท้ายดิฉันก็เลยต้องกลับไปทำงานต่อ เพราะเหลือวันลาอีกตั้งสามวันไม่รู้จะ ทำอะไรดี

เรื่องนี้ก็ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์แก่คุณพ่อคุณ แม่ทั้งหลายด้วยนะคะ ว่าอย่าได้เป็น ห่วงหรือวิตกไปจนเกินเหตุในบางเรื่อง จากประสบการณ์ทำให้ดิฉันเชื่อว่า เด็ก ๆ มีพรสวรรค์ที่สามารถจะปรับตัวให้เข้า กับสภาพแวดล้อมได้ง่ายติดตัวกันอยู่ แล้วทุกคน การแสดงความวิตกกังวล ความเป็นห่วงและขาดความมั่นใจของคุณ พ่อคุณแม่ให้เด็กเห็น จะทำให้เด็กได้รับ รู้และรู้สึกยิ่งไปกว่าเราถึง 2 เท่าทวีคูณ ดังนั้นเราในฐานะผู้ที่เป็นพ่อแม่ จะต้อง มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวลูกของ เรา และที่สำคัญก็คือทั้งพ่อและแม่จะต้อง เป็นผู้ให้กำลังใจแก่ลูก ให้เขาเกิด ความเชื่อมั่นในตัวเรา เพื่อเขาจะได้มี ความมั่นใจในตัวเอง ค้นพบตัวเอง และประสบความสำเร็จต่อไป สำหรับเคล็ดไม่ลับของความสำเร็จนี้ หากมีผู้ใดสนใจก็สอบถามมาได้นะคะ สุดท้ายนี้ก็ฝากรูปลูกสาวมาเผยโฉมใน เว็บไซต์ด้วยค่ะ สองภาพแรกเป็น ลูกคนเล็กค่ะแจ้งเกิดซะเลยนะคะ 25 สิงหาคม 2543 ปีมังกรทอง มีชื่อว่า ด.ญ.มีนา สุขสวัสดิ์ (น้องฟาง) ภาพท ี่สามเป็นภาพสองพี่น้องมานี-มีนา (ฝ้าย-ฟาง) ค่ะ
ขอให้มีความสุขจนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ

แม่มานี (ลูกสองแล้วค่ะ)


**คุณแม่ท่านอื่นที่ต้องการส่งเรื่องจริงจากประสบการณ์, เคล็ดลับในการเลี้ยงลูก หรือเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับลูก หรือแม้แต่มีบางอย่างที่ต้อง การสารภาพผิด ฯลฯ ขอเชิญส่งเรื่องมาได้ที่ maeaom@hotmail.com หรือ maeaom@thaiparents.com ค่ะ มีของขวัญตอบแทนส่งให้ที่บ้านนะคะ และจะส่งรูปครอบครัวของคุณ หรือลูกที่น่ารักมาด้วยก็จะดีเลยค่ะ ดูกันให้ทั่วถ้วนกันไปเลยว่าลูกเรา
- ครอบครัวเราน่ารักแค่ไหน...**



มุมการกุศล : Charity area


Email Login
Password
New users
sign up!





Home | ข่าวสุขภาพ | การตั้งครรภ์-การคลอด | การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ | ทารกแรกเกิด - ๑ ขวบ
เด็กวัย ๑-๕ ขวบ | Working Mom | การเงินในครอบครัว | สาระน่ารู้ภายในบ้าน | Dad's Corner


maeaom@hotmail.com
Thaiparents.com 2000
All rights reserved