Poj
visit our sponsor
visit our sponsor
Ploy
Mirror Site http://www.geocities.com/thaiparents/














มุมแม่บ้าน

ท่องเที่ยว

Birth Announcement

Thought for the week

Top Ten Lists to
Love Pregnancy

Q&A : คุณลุงใหญ่
แง่มุมการศึกษา การเรียนรู้ ของเด็กๆ

Parenting Tip
การแปรงฟันที่ถูกวิธี
คือ แปรงฟันบนด้านนอกและด้านใน โดยวางขนแปรงที่รอยต่อ more


เคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในอันที่ จะทำให้ลูกน้อยมีฟันสวยๆ ตลอดไป more
Birth Story

Birth Announcement
เชิญประกาศข่าวการคลอดที่นี้

Read your mails

We just want to create a nice atmosphere and a loving planet for our children andfamilies.....

Webguide
vilaszoo

เกมส์สนุกๆสำหรับเด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป แต่คุณแม่ต้องนั่งเล่นกับลูกด้วยนะคะ


Olympic for Kid
มีรูปต่างๆ ให้ลูกระบายสีเล่นกันดีกว่า มีให้เลือกมากมาย Print ออกมาได้เลย


Olympic for Kid

พริ้นท์รูปแอปเปิ้ลต่างๆ ให้ลูกระบายสี
เล่นกันดีกว่า มีให้เลือกถึง 17 รูป



  • สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มี ปัญหาหรือข้อข้องใจเกี่ยว กับเรื่องโรงเรียน, การ ศึกษาของลูกรักว่าทำไม ลูกถึงไม่ชอบไปโรงเรียน, ลูกมีกิจกรรมนอกหลัก สูตรเยอะไปมั้ย, หรือทำ ยังไงจะให้ลูกสนใจภาษา อังกฤษ ฯ ขอเชิญถาม "คุณลุงใหญ่" ได้ที่นี่ค่ะ ท่านเป็นนักการศึกษาที่เกษียณ อายุราชการแล้วแต่ใจดีมา ตอบปัญหาให้ตามคำเชิญค่ะ




  • คุณหมอสุพจน์ วาที สาธกกิจ ซึ่งเป็นคุณ หมอสูติผู้ใจดีแห่ง
    www.thaibaby.com กรุณาปลีกเวลามา ตอบปัญหาเกี่ยวกับ การมีบุตร, การตั้ง ครรภ์และการคลอด ค่ะ ซึ่งอยู่ที่ "ถามตอบ กับหมอสูติ" ค่ะ ถ้า คุณพ่อคุณแม่มีปัญหา ในเรื่องดังกล่าวขอ เชิญถามคุณหมอได้ ค่ะ ถึงแม้ว่าไม่มีปัญ หาก็เข้าไปอ่านหา ความรู้ได้นะคะ **ต้องขอบคุณคุณ หมอสุพจน์มา ณ ที่ นี้ด้วยนะคะ ถ้าถาม แล้วไม่จุใจอยากจะ ไปเยี่ยมชมเวปไซต์ ของคุณหมอก็ได้นะ คะ ที่ www.thaibaby.com **



  • Parenting Tips

    อันตรายจากผ้าปูที่นอน
    ปล่อยให้ลูกอยู่บ้านคนเดียวเมื่อไหร่ดีหนอ?
    คุณยายขา กรุณาเก็บยาให้พ้นมือหลานรัก!!
    กระซิบคำหวานข้างหูลูกรัก
    เด็กๆ กับรถเข็นในซุปเปอร์มาร์เก็ต
    เพิ่มพูนคำศัพท์และความรู้ต่างๆ ให้แก่ลูก
    ลูกชอบทะเลาะกัน ทำไงดี?
    การแปรงฟันที่ถูกวิธี
    เคล็ดลับสร้างฟันสวยให้ลูกน้อย
    ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากการถูกสุนัขกัด

    หน้าที่2



    อันตรายจากผ้าปูที่นอน

    รายงานข่าวจาก CNN ระบุว่า ตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา มีเด็กทารกจำนวน 17 ราย เสียชีวิตเนื่องจากผ้าปูที่นอนอุดจมูกทำให้หายใจไม่ออก

    ทั้งนี้ มิสแอนน์ บราวน์ ประธานองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อความปลอดภัยเปิดเผยว่า อันตรายจากผ้าปูที่นอนอุดจมูกทารกเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง ฉะนั้น เพื่อช่วยให้ทารกปลอดภัย จึงควรปูผ้าปูที่นอนให้ตึง ไม่ใช้ผ้าปูที่นอนผืนใหญ่เกินไปสำหรับเตียงทารก เพราะจะทำให้เกิดการหย่อน ย่น และผ้าอาจไปอุดจมูกเด็กทารกได้ นอกจากนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรวางหมอน หรือผ้าห่มบนเตียงทารก เนื่องจากจะทำให้เกิดสาเหตุดังกล่าวได้ และนี่อาจเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้ทารกเป็นโรค SIDs (Sudden Infant Death Syndrome - การเสียชีวิตเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ)

    นอกจากนั้นสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐฯ แนะนำว่า ไม่ควรให้เด็กทารกนอนบนที่นอนนุ่ม หรืออ่อนหยวบเกินไป เช่น เตียงน้ำ และทารกควรนอนหงาย หรือนอนตะแคง ที่สำคัญทารกควรอยู่ในสถานที่ปลอดควันบุหรี่ หากสมาชิกในบ้านสูบบุหรี่ ควรสูบบุหรี่นอกบ้าน ทางที่ดีงดสูบบุหรี่เด็ดขาด และผู้เป็นมารดาควรให้นมแม่แก่ทารก และไม่ปล่อยให้ทารกใส่เสื้อผ้าร้อน อบเกินไป

    back



    ปล่อยให้ลูกอยู่บ้านคนเดียวเมื่อไหร่ดีหนอ?

    ความจริงลูกเราก็โตขึ้นทุกวัน แต่อายุกี่ขวบดีนะ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองจึงจะวางใจกล้าปล่อยให้ลูกอยู่บ้านคนเดียว หลังจากโรงเรียนเลิกแล้ว

    มีคำตอบจาก โรงพยาบาลเด็กแห่งอาครอน มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ มาฝากค่ะ เขาบอกว่า ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ควรปล่อยเด็กที่อายุต่ำกว่า 9 ขวบให้อยู่บ้านตามลำพัง และเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบไม่ควรถูกทิ้งให้อยู่ในความดูแลของลูกคนที่โตกว่า เท่าที่สำรวจพบว่า พ่อแม่จำนวน 50% จะอนุญาตให้ลูกอยู่บ้านตามลำพังหลังเลิกเรียนเมื่อเข้าสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

    สำหรับคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองนำมาประกอบการตัดสินใจในเรื่องนี้ มีดังนี้

    1. ดูจากเพื่อนบ้านประการแรก สามารถพึ่งพา เป็นหูเป็นตา คอยสอดส่องดูแลลูกให้เราได้บ้างมั้ย
    2. ลูกมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอหรือไม่ หรือว่าโตแต่ตัวส่วนจิตใจยังเป็นเด็กๆ ตัดสินใจอะไรเองได้มากน้อยแค่ไหน มีความรับผิดชอบ และสามารถปฏิบัติตามคำสั่ง กฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ไหม เชื่อฟังผู้ใหญ่ไหม
    3. ถ้าตัดสินใจให้ลูกอยู่บ้านตามพังหลังจากโรงเรียนเลิกแล้ว ผู้ปกครองควรโทรศัพท์ไปตรวจสอบลูกที่อยู่บ้านเป็นระยะๆ ในแต่ละวันด้วย
    4. และประการสุดท้าย อย่าลืมฝากกุญแจบ้านไว้กับเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ เผื่อลูกทำกุญแจหาย!!


    back


    คุณยายขา กรุณาเก็บยาให้พ้นมือหลานรัก!!

    เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์มักจะเป็นวันที่คุณพ่อคุณแม่พาเจ้า ตัวน้อยจอมซนไปเยี่ยมเยียนคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายเพื่อกระชับ ความสัมพันธ์ระหว่างญาติผู้ใหญ่กับหลานรักให้ได้ใกล้ชิด หรือบางราย อาจจะถือโอกาสพักผ่อนไปในตัว เนื่องจากปล่อยให้ลูกวิ่งเล่น รื้อค้นบ้าน คุณปู่ย่าให้สนุก ส่วนคุณพ่อก็นอนเอกเขนกอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อย ขณะที่คุณแม่อาจนั่งดูทีวีกับคุณย่า

    ต้องระวังนะคะ เจ้าตัวน้อยจอมซนอาจเผลอไปหยิบยานานาชนิดของคุณ ปู่คุณย่าที่วางไว้ใกล้มือเพื่อหยิบได้ง่าย สะดวก มาเข้าปากเคี้ยวเล่น ด้วยความไม่ตั้งใจ ฉะนั้น เมื่อพาลูกรักไปเยี่ยมบ้านญาติผู้ใหญ่ อย่าลืม โทรศัพท์ไปบอกให้ท่านช่วยเก็บยาทุกชนิดให้มิดชิด หรืออยู่ในที่สูงเด็ก เอื้อมหยิบไม่ถึง ทีนี้จะปล่อยลูกวิ่งเล่นในบ้านท่านก็ทำได้ตามสบายค่ะ

    back




    กระซิบคำหวานข้างหูลูกรัก

    สำหรับลูกน้อยวัย 3 ขวบ การส่งเสริมให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อคุณ แม่สามารถช่วยให้ลูกเกิดความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการเมื่อพาลูกเข้านอน อ่าน นิทานให้ลูกฟังเรียบร้อยแล้ว หรือขณะกล่อมลูกนอน ลองกระซิบถ้อยคำหวานหูให้ลูกฟัง ก่อนลูกจะหลับสิคะ เช่น ลูกรู้มั้ยว่าแม่รักหนูมากขนาดไหน แม่รักลูกเท่าฟ้ากว้าง, ลูกเป็น แก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแม่นะจ๊ะ...., พ่อกับแม่รักหนูมากที่สุดในโลก..., ลูกเป็นเด็ก ดีของพ่อและแม่นะจ๊ะ..., แม่ดีใจที่สุดในโลกที่มีหนูมาเป็นลูกแม่..., แม่รักลูก แม่อยากเห็น ลูกมีความสุข, แม่ชอบฟังเสียงหัวเราะของลูก, วันนี้หนูทำให้แม่ภูมิใจมาก, วันนี้ลูกเป็นเด็ก ดีจ้ะ ด้วยการ.... ฯลฯ สารพัดที่คุณแม่สามารถพูดให้ลูกฟังได้ ก่อนที่ลูกจะหลับ แล้วลูกก็จะ หลับไปพร้อมกับฟังคำพูดเพราะๆ คำบอกรักจากพ่อและแม่....ที่ก้องอยู่ในหัวของลูก

    คิดดูสิคะว่า ลูกจะดีใจ และมีความสุขมากขนาดไหน ลูกต้องนอนหลับฝันดีแน่ๆ เลย สำหรับลูกวัยอื่นๆ ก็ใช้ได้เช่นกันค่ะ เพราะการได้รับรู้ว่าพ่อแม่รักเค้ามากขนาดไหน ลูกจะรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัยทุกคนค่ะ

    back




    เด็กๆ กับรถเข็นในซุปเปอร์มาร์เก็ต

    ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่มักจะหันมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของใช้ หรือจ่ายตลาดในซุปเปอร์มาร์เก็ต กันมากขึ้น และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การอนุญาตให้ลูกเล็กๆ ขึ้นไปนั่งอยู่บนรถเข็น เพราะสะดวก และไม่ต้องคอยจูงมือลูกเดินอยู่ตลอดเวลา แถมเด็กๆ ก็ไม่ต้องมาเดินจน รู้สึกเมื่อยด้วย

    แต่ทราบมั้ยคะว่า มีเด็กหลายคน เกิดอุบัติเหตุจากการตกจากรถเข็นที่ว่านี้ โดยอุบัติ เหตุส่วนใหญ่ทำให้เด็กๆ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ บางรายถึงกับกระโหลกศีรษะร้าวเลย ทีเดียว ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรระมัดระวังเวลาให้ลูกนั่งบนรถเข็นขณะซื้อของ

    ข้อควรระมัดระวังมีดังนี้
    1. เมื่อลูกนั่งอยู่บนรถเข็น คุณพ่อคุณไม่ไม่ควรหันหลังให้ลูกแม้แต่วินาทีเดียว โดยไม่ตรวจดูลูกก่อนว่านั่งอยู่ในท่าไหน และปลอดภัยหรือไม่
    2. ถ้าคุณแม่เจอเพื่อนฝูงเข้ามาทักทาย และต้องการหยุดพูดคุยกันนั้น คุณแม่ควร ยืนหันหน้าเข้าหาลูก จะได้เห็นลูกอยู่ในสายตา แล้วค่อยพูดคุยกับเพื่อน ไม่ควร หันรถเข็น (ที่มีลูกนั่งอยู่ในนั้น) ไปทางหนึ่ง แล้วหันหน้าพูดกับเพื่อนอีกทางหนึ่ง
    3. บอกลูกทุกครั้งที่อุ้มลูกนั่งบนรถเข็นว่า "ห้ามยืนขณะอยู่ในรถเข็นเด็ดขาด"

    ขอให้ช้อปปิ้งให้สนุกและปลอดภัยนะคะ

    back




    เพิ่มพูนคำศัพท์และความรู้ต่างๆ ให้แก่ลูก

    จากการศึกษาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (เซ็นหลุยส์) แห่งสหรัฐ พบว่าคุณพ่อคุณแม่ที่พูดจา สนทนากันในระหว่างมื้ออาหารโดยให้ลูกวัยก่อน เข้าโรงเรียนเข้าร่วมวงสนทนาด้วยนั้น จะเป็น การเพิ่มทักษะทางด้านภาษาและการอ่านให้แก่ลูก

    บรรดาเหล่านักวิจัยพบว่า เด็กๆ วัย 3-4 ขวบที่ ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ถึงคำศัพท์ที่เด็กอาจจะไม่ รู้จักมาก่อน เช่น "อร่อย" , "แอสพารากัส", "ออกซิเจน" ในระหว่างที่ร่วมมื้ออาหารกับ คุณพ่อคุณแม่นั้น ปรากฏว่าทำคะแนนทาง ภาษาได้สูงกว่าเด็กอายุ 5 ขวบ แต่คุณพ่อคุณ แม่ไม่ค่อยได้ใช้ศัพท์เหล่านี้พูดกับลูกๆ เพราะคิดว่าพูดไปลูกก็คงไม่รู้เรื่องหรือไม่ เข้าใจ

    เคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่:

    1. อย่ากลัวที่จะพูดคุยกับลูกๆ ด้วยศัพท์ที่ ลูกไม่คุ้นเคย หรือไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะว่าวิธีที่ลูกจะเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ เพิ่มขึ้นได้นั้น ไม่มีวิธีไหนดีกว่าการได้ ยินได้ฟังจากคำพูดปกติที่คุณพ่อคุณแม่ ใช้สนทนากันในชีวิตประจำวัน
    2. ถ้าลูกไม่เคยยินคำศัพท์ใหม่นี้มาก่อน ควรพยายามอธิบาย หรือให้คำจำกัดความ ของคำศัพท์นั้นแก่ลูกอย่างคร่าวๆ ด้วยการ พูดถึงสิ่งลูกที่รู้จักแล้วโยงมาหาคำๆ นี้ หรือ ใช้วิธีเปรียบเทียบให้ลูกฟังก็ได้
    back




    ลูกชอบทะเลาะกัน ทำไงดี?

    พี่น้องอยู่ด้วยกัน บางครั้งเกิดอารมณ์ทะเลาะกัน แย่งของเล่น กัน แข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกันบ้างนับเป็นเหตุการณ์ปกติที่อาจเกิดขึ้นทั่ว ไปในแต่ละครอบครัว และค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กๆ ย่อม ต้องการเรียนรู้ที่จะมีการแข่งขันซึ่งกันและกัน, ให้ความร่วมมือกัน หรือ ต่อรองกันได้เองในหมู่พี่ๆ น้องๆ แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่แล้วย่อมเป็น เหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากเห็นลูกๆ รักใคร่ปรองดองกัน ตลอดเวลามากกว่า และถ้าคุณคิดว่าจะต้องป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วล่ะก็ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก และไม่ยุติธรรมสำหรับ เด็กๆ อีกด้วย

    มองในแง่บวกแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถปฏิบัติได้ดังนี้ ถ้ามีเหตุการณ์ เหล่านี้เกิดขึ้น:

    - พยายามอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ร่วมวงกับลูกๆ ระหว่างที่ลูกทะเลาะกัน เองเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณพ่อคุณแม่ควรยืนอยู่ในฐานะที่ปล่อยให้ลูกๆ จัดการกันเองไปก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ปัญหา, ตัดสิน ปัญหา และหาทางออกจากปัญหาต่างๆ เหล่านั้นด้วยตัวเอง เด็กๆ จะ ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นและยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง

    - เปิดโอกาสให้ลูกแต่ละคนได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ตาม ลำพัง โดยไม่มีพี่หรือน้องคนอื่นอยู่ด้วย เพื่อที่จะช่วยลดการแก่งแย่ง ชิง ดีชิงเด่น เพื่อช่วงชิงโอกาสทองที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ของลูกๆ ลง โดยเฉพาะบางครั้งการที่ลูกทะเลาะ เบาะแว้งกัน ก็เพราะว่าอยากจะได้ อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ให้มากที่สุด หรืออยากเรียกร้องความสนใจจาก พ่อแม่เท่านั้นเอง

    - ถ้าลูกๆ ทะเลาะกันถึงขั้น ตีกัน ทำร้ายร่างกายกัน จนอาจนำไปสู่การ บาดเจ็บได้ เมื่อนั้นแหล่ะที่คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปจัดการ ห้ามปราม ต้องเข้าใจว่าการที่ลูกๆ เล่นมวยปล้ำ ไล่ฟัดนัวเนียกัน กับการที่ลูกคว้า ไม้มาไล่ตีกันนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ฉะนั้น คุณแม่ควรใช้วิจารณญาณ และความยุติธรรมในการเข้าไปตัดสินคดีความในแต่ละครั้ง

    back


    การแปรงฟันที่ถูกวิธี

    คือ แปรงฟันบนด้านนอกและด้านใน โดยวางขนแปรงที่รอยต่อระหว่าง เหงือกและฟัน เอียงแปรงเล็กน้อยขยับไปมาเบาๆ ปัดขนแปรงลงผ่าน ตลอดตัวฟัน ขยับไปเรื่อยๆจนครบทุกซี่ทั้งด้านนอกและด้านใน ส่วนการ แปรงฟันล่างด้านในให้ทำลักษณะเดียวกับฟันบน เพียงแต่ปัดขนแปรง ขึ้นด้านบน สำหรับการแปรงฟันล่างที่ใช้บดเคี้ยวอาหารนั้น ให้วางแปรง บนด้านบนของฟันกรามที่ใช้บดเคี้ยว แล้วขยับแปรงถูไปมาทั้งฟันบน และฟันล่าง

    back


    เคล็ดลับสร้างฟันสวยให้ลูกน้อย

    เคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในอันที่จะทำให้ลูกน้อยมีฟันสวยๆ ตลอด ไป

    1. สร้างเสริมนิสัยให้ลูกรักรู้จักรักษาสุขภาพของฟันเสียแต่เนิ่นๆ โดย สอนให้ลูกรู้จักการแปรงฟันเมื่อเข้าสู่วัย 1 ขวบ
    เมื่อลูกสามารถบ้วนน้ำได้เองจึงสอนให้ลูกใช้ยาสีฟันแปรงฟัน โดยบีบ ยาสีฟันขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวลงบนขนแปรง แล้วคุณแม่ใช้มือปาดยา สีฟันให้แนบไปกับขนแปรงเพื่อลูกน้อยจะได้ไม่กลืนกินเข้าไป ถ้าลูกฟัน เกหรือฟันขึ้นซ้อนกัน ควรสอนให้ลูกใช้ไหมขัดฟัน

    2. คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการรักษาสุขภาพฟันแก่ลูกๆ โดย แปรงฟันให้ลูกเห็น ไม่ละเลยการแปรงฟันทุกเช้าและก่อนนอน และบ้วน ปากหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง

    3. ตรวจสุขภาพฟันของลูกเป็นระยะๆ เพื่อดูว่า มีอาการใดบ่งบอกว่าลูกเป็น โรคเหงือกหรือไม่ เช่น มีเลือดออกตามไรฟัน, เหงือกบวมแดง หรือลมหาย ใจมีกลิ่นไม่สะอาด

    4. ควรแน่ใจว่าลูกรับประทานถูกหลักโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ จากการศึกษา พบว่าการขาดแคลเซียมและวิตามินซี อาจทำให้เป็นโรคเยื่อหุ้มฟันอักเสบ

    5. สอนลูกให้แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี หากไม่แน่ใจควร ปรึกษาทันตแพทย์


    back



    ทำอย่างไรให้ลูกปลอดภัยจากการถูกสุนัขกัด

    เมื่อคุณพาลูกเดินออกจากบ้านไปปากซอย หรือลงจากรถเดินไปไหนต่อ ไหน ระหว่างทางคุณจะพบเห็นสุนัขจรจัด นอนเล่น หรือเดินอยู่ตาม ถนนหนทางมากมาย บางครั้งพาลูกไปบ้านเพื่อนของคุณเองก็เถอะ อาจจะมีสุนัขที่เพื่อนเลี้ยงไว้เดินเข้ามาดมๆ หรือเห่าเสียงขรมดังลั่น เด็กๆ เองส่วนมากก็ชอบเล่นกับสุนัขเสียด้วย สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็น เพื่อนเล่นกับคนมานาน แต่บางครั้งก็อาจเกิดปัญหาได้กับลูกของเรา ถ้าเล่นด้วยความไม่ระมัดระวัง

    หนทางที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาการโดนสุนัขกัดก็คือ คุณพ่อคุณแม่ควรจะ บอกลูกให้อยู่ห่างๆ สุนัขที่ลูกไม่คุ้นเคยถ้าเดินไปตามถนนในซอยหรือ ในหมู่บ้าน แล้วเจอสุนัขแปลกถิ่นเข้ามา บริเวณนั้น ลูกควรจะบอก ให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ เพื่อจะได้ช่วยกันเตือนให้ระมัดระวัง เพราะเรา ไม่มีโอกาสทราบได้ว่า สุนัขแปลกหน้าตัวนั้น ฉีดยาป้องกันโรคพิษ สุนัขบ้าแล้ว หรือยัง

    นอกจากนั้น เด็กๆ ควรเล่นกับสุนัข โดยมีผู้ใหญ่คอยดูอยู่ใกล้ๆ และ ควรสอนให้ลูกทราบว่า ไม่ควรไปแกล้งสุนัข หรือไปข่มขู่สุนัขโดยไม่จำ เป็น สอนลูกไม่ให้ไปจ้องตากับสุนัขเพราะสุนัขจะแปลความหมายว่า ลูกคุณต้องการหาเรื่องกับมัน เวลาที่เด็กๆ เล่นกันเอง ไม่ควรวิ่งเล่น ใกล้สุนัข เพราะการวิ่งจะไปทำให้สุนัขนึกสนุกวิ่งไล่ตาม

    สอนให้ลูกอยู่ห่างจากสุนัขที่กำลังกินอาหารอยู่ และสุนัขแม่ลูกอ่อนที่กำลัง หวงลูก


    back





    มุมการกุศล : Charity area




    Email Login
    Password
    New users
    sign up!





    Home | ข่าวสุขภาพ | การตั้งครรภ์-การคลอด | การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ | ทารกแรกเกิด - ๑ ขวบ
    เด็กวัย ๑-๕ ขวบ | Working Mom | การเงินในครอบครัว | สาระน่ารู้ภายในบ้าน | Dad's Corner


    maeaom@hotmail.com
    Thaiparents.com 2000
    All rights reserved