- เครื่องปรับอากาศ
- ขับรถตอนกลางคืน
Read your mails

Emails เดือนกรกฎาคม 00 และก่อนหน้านั้น
สวัสดีค่ะ คุณแม่อ้อม
มี comment นิดหน่อยให้กับทางคุณแม่อ้อมค่ะ คืออยากให้เพิ่มความรู้เกี่ยวกับการแพ้อาหารโดยเฉพาะนมในเด็กอ่อนน่ะค่ะ

เพราะอ้อยมีประสบการณ์นี้กับตัวเอง คือลูกชายแพ้นมกระป๋องก็เปลี่ยนมาเป็นนมถั่วเหลือง ก็ไม่หายแพ้ ก็เลยต้องทานนมแม่อย่างเดียว แล้วลูกอ้อยก็ทานนมหรืออะไรที่มีถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบไม่ได้เลย เพราะลูกจะมีผื่นขึ้นที่แก้มตลอดขนาดว่า dilute ผ่านนมแม่แล้วนะคะ ตอนนี้ลูกอายุ 14 เดือนแล้ว ก็ยังทานนมแม่อยู่ค่ะ ไม่ยอมหย่าเลย แต่โชคดีที่ตอนนี้เค้าหายแพ้นมกับถั่วเหลืองแล้วนะค่ะก็ให้ทานนมกระป๋องได้บ้าง แต่ไข่นี่ยังแพ้อยู่แค่ให้ทานไข่แดงต้มสุกแค่ 1/2 ลูกก็อาเจียนไม่หยุดเลย เห็นแล้วก็สงสาร

ตอนที่ลูกเริ่มแพ้อายุ 2 เดือนเต็ม ผื่นขึ้นทั้งหน้าทั้งตัวเลยค่ะ แต่ปรึกษาใครไม่ได้ คุณหมอก็ไม่ได้แนะนำว่าเป็นเพราะแพ้อาหาร ที่รู้นี่ก็เพราะไปดู ทีวีเข้ารายการหนึ่งที่เขาบอกว่าถ้าเด็กขึ้นผื่นอย่างนี้ให้สงสัยว่าแพ้นม ก็เลยลองโทรถามคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าเป็นไปได้ ถึงได้เปลี่ยนนมแต่ก็ไม่ work เพราะลูกอ้อยก็มีปฏิกิริยากับนมถั่วเหลืองอีก คุณหมอก็ไม่ได้แนะนำว่าเด็กก็แพ้ soy ได้ด้วย แต่ให้ครีมมาทา steroid ชื่อ Aristocort A ทาก็ไม่หาย ทาจนหน้าด่างค่ะ

ตอนนั้นอ้อยศึกษาเอาเองอย่างหนักจากทาง website พวก www.parenting.com, www.drpaula. www.allergicchild.com แล้วก็ search หาเรื่องการแพ้นมตลอด ถึงได้รู้ว่าเด็ก ๆ ก็เป็นกันเยอะ แต่ส่วนใหญ่คนจะคิดว่ามันมาจากสาเหตุจากภายนอกเช่น จากสบู่ จากผงซักฟอก จากอากาศร้อนซึ่งจริง ๆ พวกนี้ก็มีส่วนแต่มันก็มาจากภายในด้วย คือระบบย่อยของเด็กไม่สมบูรณ์พอ เลยทำให้แพ้โปรตีนพวกนี้ แล้วแสดงออกทางผิวหนังโดยการขึ้นผื่น eczema

ถ้าคุณแม่อ้อม ได้หาความรู้ให้แก่บรรดาคุณแม่ทั้งหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้คงดีมาก เพราะเท่าที่ทราบเด็กแพ้นมวัวกันเยอะลูกเพื่อนอ้อยก็แพ้นมวัวกันตั้งหลายคน แต่เขาทานนมถั่วเหลืองกันได้ แล้วก็ลูกของลูกค้าก็แพ้นมเยอะ เท่าที่สอบถามน่ะค่ะ แล้วก็ไข่นี่ก็ตัวดี เด็กแพ้กันเยอะเหมือนกันนะคะ ทุกวันนี้อ้อยก็กลุ้มเพราะไข่แดงมันก็มีประโยชน์นะคะแต่ลูกทานไม่ได้ทานแล้วอาเจียนก็ไม่อยากให้ทานไม่รู้ว่าจะหายแพ้หรือเปล่ากะว่าอีกซัก 2-3เดือนจะลองให้ทานอีกครั้ง

หวังว่าข้อมูลพวกนี้คงเป็นประโยชน์แก่คุณแม่ทั้งหลายบ้างนะคะและหวังว่าคุณแม่อ้อมคงพิจารณาด้วยค่ะ
อ้อย
(Posted on 22 July 2000)

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณอ้อย ที่บอกเล่ากันมาให้ทราบ
ยินดีรับไปค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องนี้มารายงานกันให้ทราบนะคะ น่าสนใจมากเลยค่ะ เดี๋ยวนี้เด็กๆ แพ้โน่นแพ้นี่กันเยอะนะคะ บางทีก็แพ้อากาศ, บางครั้งเป็นเรื่องของการแพ้อาหารบางชนิด ซึ่งคนเป็นพ่อแม่ต้องจับตาดูลูกและหัดสังเกตดีๆ บางทีก็แพ้สารเคมีที่ปะปนอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรานั่นเอง ฯลฯ แต่ว่ารายละเอียดและข้อแก้ไขของลูกคุณอ้อย คงต้องปรึกษากุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการล่ะค่ะ ถ้าหากว่ายังทานไข่แดง ไม่ได้ ควรจะทานอะไรแทนซึ่งมีประโยชน์และให้คุณค่าทางสารอาหารได้เท่าเทียมกัน จะเรียนปรึกษาคุณหมอไพบูลย์ให้นะคะ

อย่างไรก็ตามขอให้ลูกคุณอ้อยสุขภาพแข็งแรงดี และหายแพ้เร็วๆ นะคะ คุณแม่จะได้หายกลุ้มใจไปบ้าง ถ้าลูกกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อไหร่ คนที่จะกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกคน ก็คือคุณแม่นี่แหล่ะค่ะ ...เห็นใจจริงๆ ...
แม่อ้อมเองค่ะ
"ดีใจค่ะ"

สวัสดีค่ะ
แหม ดีใจและแปลกใจที่ได้รับเมล์จากแม่อ้อมในวันรุ่งขึ้น แสดงว่าแม่อ้อมใส่ใจพวกเรานะคะ ตอนนี้ดิฉันและครอบครัวย้ายตามสามีมาอยู่ที่เจนีวา หากแม่อ้อมต้องการข้อมูลใดๆ ที่พอหาได้จากที่นี่ก็บอกมานะคะ ดิฉันจะพยายามหาให้ เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับพ่อ แม่ท่านอื่นๆ บ้าง ดิฉันกำลังท้องได้ 5 เดือนแล้วค่ะ แต่มีปัญหานิดหน่อย อาทิตย์หน้า จึงจะรู้ว่าหมู่หรือจ่า ก็ทำใจได้ค่ะ แล้วดิฉันจะรีบไปหารูปเจ้าลิงน้อยที่น่ารักๆ ส่งมาให้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

แม่ฟ้าใส
(Posted on 22 July 2000)

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณนะคะที่เขียนมาแจ้งให้ทราบ และขอบคุณที่จะกรุณาช่วยกันหาข้อมูลมาฝาก คุณพ่อคุณแม่ในไทยและที่อื่นๆ เห็นมั้ยคะว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่สำคัญ คนเป็นแม่เหมือน กันทุกคนคือรักและห่วงลูก พอเรารู้ข้อมูลอะไรที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นบ้าง เราก็อดบอกเผื่อกันมาไม่ได้ ก็คนเป็นแม่นี่คะ รักลูกตัวเองแล้ว เราก็รู้ดีว่าคนอื่นก็รักลูกของเค้าด้วยเหมือนกับเรา...จริงมั้ยล่ะคะ? คุณๆ ทั้งหลาย อยากได้ข้อมูลอะไรกันบ้างจากคุณแม่ที่อยู่เจนีวา ช่วยกันบอกมาด้วยนะคะ...เร๊ว.. แหม! วันนี้รู้สึกอบอุ่นจัง ว่างั้นมั้ยคะ?
แม่อ้อม
"I am a Thai mum in South Australia"

Hello Ka,
I really like your website. I had a baby boy 6 months old name "Loki". My husband 's a Australian. We are very lucky because we have a son who is very cute. I've been reading a lot of books about babies for a long time. Now I am a housewife only. I would like to send you the story about the babies and also parents. I think It might be useful for Thai families when they visit your website. Because I used a lot of tips to my baby and they work very well. If you are interested please let me know then I will send some stories to you.
Bee
(posted on 22 July 00)

Good day ka K. Bee:
Thank you so much for your kind offer to send the useful information and parenting tips for us (Thai moms and abroad). We could share our tips together wherever we are.
I can't wait to receive it (or them!)
Thanks again K.Bee, you've made my day.

See ya!
Mae Aom
**And other moms as well, if you have some tips which you think they're useful for other parents and want to share them with us, please send them in. Thank you to you all.**
From: Bongkoch Chulikavit To: maeaom@hotmail.com Subject: Thank you Date: Wed, 12 Jul 2000 13:23:27 +0700

ขอบคุณค่ะแม่อ้อมที่ตอบ e-mail แ ละส่งคำถามไปให้ ดร. จำรูญ ช่วยออกความเห็น จุดมุ่งหมายคือ อยากได้ idea แหละค่ะ ว่าจะ support เค้ายังไงดี อีกอย่างที่ไม่ได้บอกใน mail ครั้งที่แล้วคือ น้องนุ่น (ลูกคนโต) ค่อนข้างจะดื้อมากๆกับคุณตา-คุณยาย แต่ถ้าแม่อยู่จะไม่ค่อยดื้อ ก็พยายามบอกท่านว่าอย่าดุลูกมากนัก เค้าจะยิ่งรู้สึกอ้างว้าง ท่านก็ค่อนข้างจะฟังค่ะ

ในขณะเดียวกัน เจ้าตัวเล็ก (น้องแพร) เค้าก็เริ่มจะรู้อะไรๆ พอควร ถ้าแม่อุ้มเค้าอยู่และพี่นุ่นโวยวายว่า "ไม่ดูแลลูกเลยนะ" และพ่อมาอุ้มเค้าไป เค้าจะส่งเสียงแบบไม่พอใจ ดิฉันเลยต้องอุ้มทั้ง 2 คน และพี่นุ่นจะชอบรังแกน้อง ไม่ทราบมีคำแนะนำบ้างมั้ยคะ เค้ารักน้องนะคะ แต่พอหอมน้องแล้วก็จะดึงผมบ้าง บีบขาน้องแรงๆบ้าง น้องก็ร้องไห้ สงสารเจ้าตัวเล็กน่ะค่ะ

อย่างที่แม่อ้อมบอก ช่วงนี้เป็นช่วง settle down แต่พออ่านจากหนังสือว่าแรกเกิด- 6 ปีแรกเป็นช่วงสำคัญสำหรับเค้า ก็รู้สึกเสียดายว่าเราไม่ได้ให้เวลาเค้าเต็มที่ ที่สำคัญคือ เราเลือกวิธีนี้เอง โดยที่สามีไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยกล้าคุยเรื่องนี้กับสามีน่ะค่ะ เกือบลืมค่ะ รบกวนแม่อ้อมช่วยถามผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับวิธีสังเกตเด็กพิเศษ ที่พบบ่อยขึ้นในบ้านเราให้ด้วยสิคะ ว่าจะสังเกตได้อย่างไรบ้างในช่วงขวบปีแรก ดิฉันอาจจะวิตกไปเองก็ได้ค่ะ คือ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาน้องแพรเค้าเล่นอยู่ และดิฉันเรียกชื่อ แล้วเค้าไม่มี response ถามพี่เลี้ยง เค้าบอกว่า ปกติน้องแพรจะจำชื่อตัวเองได้ เรียกแล้วจะมี response อาจจะเป็นเพราะ เค้า concentrate อยู่กับการเล่นของเค้า แต่อยากได้ความมั่นใจและวิธีสังเกต อย่างที่บอกค่ะ จะได้ระวัง ขอบคุณมากนะคะ
เหน่ง

สวัสดีค่ะคุณบงกช
ขอบคุณสำหรับ email ค่ะ
ดิฉันว่าเป็นธรรมดานะคะ ลูกคนโตก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ อิจฉาน้อง เพราะว่าเค้าเคยได้รับความเอาใจใส่อย่างดีมาตลอดจากคุณพ่อคุณแม่ มาวันหนึ่งก็มีน้องเล็กมาแทนที่ เค้าก็ยังไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าทำไมคุณแม่อุ้มน้องได้ แต่อุ้มเค้าไม่ได้ ถึงเราจะบอกว่า หนูโตแล้ว หนูหนัก แม่อุ้มไม่ไหว หรือถึงไหว แต่อุ้มไม่บ่อยเท่าน้อง อธิบายให้เค้าฟัง เค้ารับฟัง แต่ก็จิตใจเด็กก็ต้องการความใกล้ชิด ก็อยากให้เราอุ้มอยู่ดี ลูกดิฉันก็เป็นค่ะ บางทีอุ้มคนคนเล็กปั๊ป คนโตมาแล้ว ขอแจม แม่อุ้มด้วย ก็อุ้มทั้งคู่กระเตงกันไป บางทีอุ้มคนเล็กปุ๊บก็รีบบอกให้คุณพ่อไปอุ้มคนโตให้หน่อย แล้วให้เค้าเล่นไปเลย หันเหความสนใจ คือทำอย่างไรก็ได้ให้เค้ารู้ว่า เราก็ให้ความสนใจเค้าเท่าเทียมกัน

แต่ลูกดิฉันแปลกกว่าของคุณบงกช ตรงที่ว่า ถ้าแม่อยู่ ลูกจะดื้อเหลือเกิน แต่พออยู่กับคนอื่นเด็กจะไม่ค่อยดื้อ เพราะรู้ว่าต้องเนื้อฝากตัว แม่ไม่อยู่นี่นา พอแม่มาค่อยดื้อใส่แม่...

เวลาจะอุ้มคนเล็ก ก็อุ้มคนโตซะก่อนสิคะ หอมแก้มซ้ายขวา กอดแล้วกอดอีก กอดลูกคนโตให้ชื่นฉ่ำใจ หายคิดถึงกันไปข้างนึงเลย เพราะพอกอดหอมลูกคนโตนานๆ เค้าก็มักจะบอกว่า พอแล้วแม่ แม่ไปกอดน้องมั่งก็ได้ เวลาจะทำอะไร ทำให้ลูกคนโตก่อนสิคะ อาจจะได้ผล เขาจะได้ทราบว่าเราให้ความสำคัญมากกว่าน้อง (เพราะน้องยังเล็ก กอดใครก่อนหลัง ไม่ค่อยว่าอะไร) มีของฝากลูกคนโต หนังสือ สีเทียน เกมส์ที่เค้าเล่นได้และสนใจ ทำกิจกรรมร่วมกับลูกคนโตมากๆ อยู่ต่างจังหวัด น่าจะพากันไปเดินเล่น, ขี่จักรยานสองต่อสองกับลูกคนโตนะคะ เขาจะได้มีเวลาอยู่กับเราตามลำพังเหมือนกลับมาเป็นลูกคนเดียว เรียกว่ามี date กับลูกคนโตน่ะค่ะ โอกาสทองเชียวนะคะ แล้วเราก็ค่อยๆ คุยกับเค้า บอกเค้าว่าจำเป็นอย่างไรที่ลูกต้องอยู่ที่นี่ อธิบายวันเดียวไม่เข้าใจ แต่เค้าก็จะค่อยซึมซาบไปเอง ลองดูนะคะ

ดิฉันก็ใช้วิธีนี้ค่ะ อย่างบ่ายวันเสาร์ ลูกคนเล็กหลับ แต่คนโตไม่หลับ แล้วดิฉันจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ไปกับลูกคนโตกันสองคน เสร็จแล้วก็พาเค้าไปนั่งกินไอติม คุยกันจุ๋งจิ๋งสองคนแม่ลูก ท่าทางลูกชอบมาก เพราะได้อยู่กับแม่สองคนจริงๆ แล้วเค้าก็จะบอกว่าเวลาน้องโตขึ้น แม่พาน้องมาด้วยก็ได้นะแม่นะ...

ส่วนเรื่องเด็กพิเศษคงต้องขอนำไปถามผู้เชี่ยวชาญให้นะคะ แล้วจะนำมาแจ้งให้ทราบค่ะ แต่ดิฉันว่าน้องแพรกำลังจดจ่ออยู่กับของเล่นหรือกิจกรรมที่เขาทำอยู่มากกว่านะคะ แล้วคุยกันอีกค่ะ

ขอให้โชคดีนะคะ คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไร email มาเป็นกำลังใจคุณบงกชหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แม่อ้อม

สวัสดีค่ะ คุณแม่อ้อม
ยังมีรายละเอียดที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่เลี้ยงอีกมาก ยอมรับว่าเหนื่อยใจมากค่ะกับศูนย์พวกนี้ ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีอะไรมารองรับมาตรฐานหรือกฏหมายที่มาควบคุม พอเกิดปัญหาขึ้น ศูนย์เหล่านี้ก็ไม่รับผิดชอบ ดิฉันอยากเล่าให้ฟังต่อว่าหลังเกิดเหตุดิฉันก็ได้ไล่พี่เลี้ยงคนนี้ออก และได้โทรศัพท์ติดต่อศูนย์ที่สังกัดอยู่ ได้แต่คำว่าขอโทษ แล้วรับปากว่าจะโอนเงินคืนให้ดิฉัน เพราะตอนไล่ออกประมาณกลางเดือน (ศูนย์พวกนี้เค้าจะเก็บเงินล่วงหน้า 1 เดือน)

แต่ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 1 เดือนดิฉันยังไม่ได้รับเงินคืนเลย แถมโทรไปยังไม่ยอมรับสายดิฉันอีก ศูนย์พวกนี้เค้าต้องการแต่เงิน ไม่มีจรรยาบรรณหรือเห็นใจคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่เลย ดิฉันคิดว่าเค้าก็คงจะส่งพี่เลี้ยงคนนี้ไปให้พ่อ แม่ที่ไม่รู้เรื่องต่อไป เฮ้อ!!!! พวกนี้น่าจะโดนกับลูกหลานตัวเองบ้าง ไอ้เรื่องเงินดิฉันไม่ติดใจเท่าไหร่ เพราะมันไม่คุ้มค่ากับชีวิตลูกดิฉัน สงสารแต่เด็กน้อยรายต่อไปที่ต้องเผชิญกับพี่เลี้ยงวายร้าย ใจร้ายพวกนี้ จะลุกขึ้นมาฟ้องคุณพ่อ คุณแม่ก็ไม่ได้ คิดแล้วหดหู่จัง ขอบคุณค่ะที่คุณแม่อ้อมรับฟัง
สุณี

สวัสดีค่ะคุณสุณี

ขอบคุณนะคะที่เขียนมาเล่าต่อ สำหรับฉบับแรกดิฉันขออนุญาตนำลงใน comment จากคุณแม่ที่มีประสบการณ์จากพี่เลี้ยงเด็ก ในหน้า "วิธีสังเกตพี่เลี้ยงเด็ก" ส่วนฉบับนี้จะขอนำลงใน read your mails นะคะ เพื่อเผยแพร่ให้คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นได้รับทราบเป็นความรู้กันบ้าง

เรื่องพี่เลี้ยงเด็กจัดว่าเป็นเรื่องลำบากใจอย่างที่บอกล่ะค่ะ วันก่อนดิฉันนัดเพื่อนทานข้าว ปรากฏว่าแรกๆ ก็คุยกันเรื่องลูกเต้าตามปกติของคนเป็นแม่ และเรื่องที่ทำงาน พอต่อมาไม่รู้ยังไงมาลงเรื่องพี่เลี้ยงเด็กจนได้ และก็ทีนี้ยาวเลยค่ะ เมื่อรัฐไม่ช่วย เราก็ต้องช่วยตัวเองก่อน โดยการบอกกล่าวศูนย์ที่ไม่ดี จะได้ไม่ไปใช้บริการ เป็นการบอกต่อๆ กันไป และเมื่อนั้นเขาจะได้เห็นว่า เสียงจากคุณแม่หนึ่งเสียงที่เขาคิดว่าไม่สำคัญ เพราะหาลูกค้าจากที่อื่นก็ได้ ก็ชักจะมีความสำคัญขึ้นมาแล้ว และเมื่อนั้น เขาก็ต้องปรับปรุงคุณภาพ ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ เราต้องช่วยกันค่ะในขั้นแรก

ส่วนขั้นต่อไป เราก็ต้องสังเกต สอนงาน และหมั่นตรวจตราวิธีดูแลลูกเรา ไม่ให้เขามีโอกาสปล่อยปละละเลย นี่ถ้ามีโอกาส ดิฉันจะสัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กมาลงซักหน่อย อยากรู้วิธีคิดของเขาค่ะ ว่าคิดอย่างไรถึงมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก บางทีเราอาจได้แง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อเราบ้างก็ได้นะคะ คือเขาอาจคิดแบบเขา เขาไม่ได้คิดแบบเราน่ะค่ะ เพราะสภาพแวดล้อม พื้นฐาน การศึกษา และปัจจัยอื่นๆ ไม่เหมือนกัน อาจมีส่วนก็ได้นะคะ ถือว่าเป็นเพื่อนกันนะคะ อยากเขียนอะไร อยากเล่าสู่กันฟังเรื่องอะไร เชิญได้ตามสบายเลยค่ะ

และอยากทราบว่าศูนย์ที่คุณสุณีประสบปัญหามา ชื่อศูนย์อะไรคะ ขอบคุณค่ะ
แม่อ้อม

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ตอบ e-mail และจะรออ่านคำตอบนะคะ (ถามคุณหมอไพบูลย์ค่ะ -แม่อ้อม ) เรียกสั้นๆว่า เหน่งก็ได้ค่ะ ตอนนี้มีความคับข้องใจบางอย่างที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือเปล่า ก็เกี่ยวกับลูกนั่นแหละค่ะ ขออนุญาตระบายให้ฟังนะคะ คือ ดิฉันมีลูก 2 คน ลูกสาวทั้งคู่ค่ะ คนโต 3ขวบครึ่ง ตอนนี้เรียนอนุบาลหนึ่ง คนเล็ก 7 เดือน ด้วยภาระและเวลาของการทำงานที่ต้องเดินทางต่างจังหวัดค่อนข้างบ่อย ทำให้ต้องนำลูกทั้ง 2 คนไปให้คุณยายเลี้ยงที่ ตจว. ค่ะ

เดิมคือคุณยายมาช่วยเลี้ยงให้ที่บ้าน แต่ท่านไม่ค่อยแข็งแรงและเป็นห่วงคุณตาซึ่งอยู่คนเดียว ก็เลยยื่นคำขาดว่าถ้าจะให้ลูกอยู่ที่นี่ ดิฉันต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงและรับส่งลูกคนโตเอง อย่างที่บอกแหละค่ะ เราไม่สามารถลาออกได้ ณ ขณะนี้ และคิดแล้วว่าลูกไปอยู่ที่นั่นน่าจะ OK เพราะมีคุณตาช่วยคุณยาย และเด็กที่มาช่วยงานที่บ้านคุณตานั้นดูแลลูกคนโตได้ดี และลูกค่อนข้างเชื่อฟังเขาค่ะ ก็เลยนำลูกไปทั้ง 2 คน คนเล็กมีพี่เลี้ยงจากศูนย์ไปเลี้ยงน้องด้วย

ผลคือทุกคน happy โดยเฉพาะคุณตา-คุณยาย ลูกคนเล็กก็ดูมีความสุขเพราะเขาได้เจอคนเยอะ พี่เลี้ยงก็ชอบค่ะ ปัญหา คือ คนโต ซึ่งติดแม่มาก ดิฉันต้องโทร. ไปหา เช้า - เย็น และลูกก็จะร้องไห้ทุกวัน บ่นว่า " แม่ ลูกอยากกลับบ้านนันทวัน" จะเป็นช่วงเช้าและตอนหัวค่ำก่อนเข้านอนค่ะ ดิฉันเองก็พยายามกลับไปทุกอาทิตย์เพราะสงสารลูก พอถึงวันอาทิตย์ลูกก็จะเริ่มรู้สึกใจหาย และบ่น " ไม่อยากให้แม่กลับบ้าน อยากให้แม่มาอยู่เยอะๆ" แต่ถ้าไม่โทร. ไป เขาก็จะต่อว่าค่ะ ทำไมแม่ไม่โทรมาลูกรออยู่

พยายามอธิบายและบอกเหตุผลว่าทำไมเขาต้องไปเรียนที่นั่น เขาเข้าใจนะคะ แต่ก็ยังร้องไห้ อ้อ! ลูกคนโต เค้าจะไม่ยอมให้ยายดูแลน้องเลย ถ้าเป็นช่วงหัวค่ำ และเสาร์-อาทิตย์ที่ดิฉันกลับไปก็เช่นกัน แต่เริ่มดีขึ้นเพราะอธิบายว่าขอแม่ดูแลน้องแป๊บเดียว เดี๋ยวน้องหลับแม่ก็ดูแลลูก เค้าก็ OK. บางครั้งได้ยินลูกร้องมากๆ ก็คิดเสียใจและไม่แน่ใจว่าตัวเองทำผิดหรือเปล่าที่ให้ลูกไปอยู่ห่างตัว แต่ถ้าให้เค้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีคนดูแลค่ะ เขียนมาเล่าให้ฟังเผื่อแม่อ้อมมีคำแนะนำอะไรให้บ้างค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เหน่ง
Bongkoch Chulikavit

(แนะนำคุณเหน่งไปแล้วประสาแม่ๆ ด้วยกันนะคะทาง email แต่พอดีคุณเหน่งเขียนฉบับที่ 2 มาอีก เลยนำฉบับแรกมาให้อ่านด้วยกัน เผื่อคุณแม่ท่านใดมีความเห็น หรืออยู่ในสถานะเดียวกัน เขียนมาคุย & แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณเหน่งบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ - แม่อ้อม)

สวัสดีค่ะ
ดิฉันเป็นหนึ่งในคุณแม่ที่ต้องทำงานและต้องใช้บริการพี่เลี้ยงเลี้ยงดูลูก รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้ก็ประสบกับปัญหาที่จะเลือกพี่เลี้ยง ที่ได้มาตรฐาน จะหาพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ก็รู้สึกว่าจะเก่งเกินไปไม่สน ใจคำสั่งของเรา พวกที่ไม่มีประสบการณ์ก็ทำงานไม่คล่องแคล่ว

ปัญหาที่ดิฉันเพิ่งประสบมาก็คือต่อหน้าพวกพี่เลี้ยงพวกนี้จะทำหน้าที่อย่างดี แต่พอเราไม่อยู่ เป็นอีกอย่าง ที่ดิฉันทราบเพราะว่าที่บ้านติดกล้อง พอแอบดูแล้วแทบจะลมใส่เพราะพวกนี้เค้าไม่ได้รักลูกเราเหมือนที่เรา เห็นเลย เค้าทำตามหน้าที่เท่านั้นพอลับหลังเรา ปล่อยปละลูกเรา ทิ้งเด็ก 5 เดือนนอนกับพื้นแข็งๆ ส่วนตัวเองก็ไปคุยโทรศัพท์ และที่เห็น แล้วแทบทนไม่ได้ วิธีป้อนกล้วยบด เอาเข้าปากตัวเองเคี้ยวแล้วให้ลูกเรากิน คนเป็นแม่ยังไม่เคยทำเลย และที่สำคัญวิธีที่เค้าอุ้มลูกเรา จับแขนเด็กอ่อน หิ้วขึ้นมาเหมือนหิ้วเป็ด หิ้วไก่ ดีนะที่ลูกดิฉันยังไม่เป็นอะไรไป ไม่เช่นนั้น ดิฉันคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

ดิฉันเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่ลูกดิฉันคนเดียวที่ต้องเผชิญกับพี่เลี้ยงเลวร้าย พวกนี้ แต่เด็กน้อยตาดำๆ ไม่รู้กี่คนที่ต้องเผชิญอยู่ตามลำพัง เพราะพ่อแม่เค้า ไม่มีเวลามาดูแล หรือติดกล้องอย่างบ้านดิฉัน คิดแล้วเศร้าใจ ว่าเด็กอนาคต ของชาติเหล่านี้ อาจติดนิสัยก้าวร้าว หรือ หวาดกลัว ไม่ไว้วางใจคนอื่น เพราะสาเหตุเหล่านี้เอง คนเป็นแม่ทุกคนคงอยากจะเลี้ยงลูกที่แสนรักด้วย ตัวเอง แต่ในสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจะมีแม่ที่โชคดีเช่นนี้สักกี่คนที่สามารถทำได้

Sunee M.
สวัสดีค่ะ
เข้าไปอ่านคำตอบของคุณลุงใหญ่แล้วค่ะ กำลังตัดสินใจอยู่ คงต้องไปสอบถาม รายละเอียดที่ศูนย์เด็กเล็กดูอีกครั้ง

ส่วนเรื่องการซักผ้าอ้อมใหม่ให้นิ่มนั้น ก็ลองทั้งสองวิธีเลยค่ะ คือทั้งแช่น้ำเกลือและ น้ำส้มสายชู โดยดิฉันแช่ตอนเช้า แล้วตอนเย็นก็ซักตามปกติ ก็ได้ผลดีค่ะ น่าจะเป็นเคล็ดไม่ลับที่บอกต่อ ๆ ให้คุณแม่มือใหม่ได้นะคะ ส่วนเรื่องการพับ ผ้าอ้อมนี่ ยังมีวิธีอื่น ๆอีกมั้ยคะ อยากได้แบบที่ผูกด้านข้างน่ะค่ะ เวลานอนคว่ำ เขาจะได้ไม่เจ็บหรืออึดอัด คุณแม่คนไหนมีวิธีเด็ด ๆ ก็ช่วยบอกหน่อยนะคะ แล้วจะเข้าไปตามอ่านใน read your email สนุกดีค่ะ ได้รับรู้เรื่องราวของ ครอบครัวอื่น ๆ บ้าง บางเมล์อ่านแล้วก็ตื้นตันใจและมีความสุขไปด้วย แถมคุณแม่อ้อมยังตอบได้น่าซาบซึ้งใจอีกต่างหาก ทำให้มีความรู้สึกร่วมที่ดี ๆ หลายอย่างทีเดียว

นี่ถ้าคุณแม่ท่านใดมีประสบการณ์ ข้อคิด หรือข้อเตือนใจ เกี่ยวกับศูนย์ดูแล เด็กเล็ก หรือโรงเรียนอนุบาล ก็อยากให้เขียนมาเล่ากันบ้างจังเลยค่ะ เพราะในฐานะคุณแม่มือใหม่ การได้เรียนรู้จากคุณแม่ที่มีประสบการณ์จริง ๆ นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยเชียวค่ะ (มีใครสนับสนุนความคิดนี้บ้างมั้ยคะเนี่ย)

มีอีกเรื่องที่อยากเรียนถามคุณแม่อ้อมค่ะ ตามที่ดิฉันได้เคยเล่าให้ฟังแล้ว ว่าตอนนี้ดิฉันทำอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ตให้กองเชื้อเพลิงฯ อยู่ แล้วดิฉันเห็นว่าในคอลัมน์ข่าวสุขภาพของ thaiparent นั้นน่าสนใจมาก ดิฉันจึงอยากจะขออนุญาตนำมาลงในส่วนที่เป็นอินทราเน็ตของกอง ฯ เพื่อเผยแพร่ให้คุณพ่อบ้านและคุณแม่บ้านที่นี่ได้รับทราบกันบ้างจะได้มั้ยคะ สุดท้ายนี้ก็ขอให้คุณแม่ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมทั้งมีกำลังใจที่เข้มแข็ง สู้งานหนักกันต่อไปนะคะ แล้วจะเขียนมาคุยกันอีกแน่นอนค่ะ คราวนี้จะ ขอเล่าเรื่องลูกบ้างล่ะค่ะ
แม่มานี

(พอดีตอบคุณแม่มานีไปแล้วทาง email นะคะ - ส่วนข่าวสุขภาพ อนุญาตด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ - แม่อ้อม)


สวัสดีค่ะ
ดีใจจังค่ะที่คุณแม่อ้อมสละเวลาตอบจดหมายของดิฉัน ตอนนี้ลูกชายอายุได้ 5 เดือนค่ะ เป็นลูกและหลานชายคนแรกของทางบ้านดิฉันจึงทำ เอาทุกคนค่อนข้างเห่อมากโดยที่คุณยายหรือคุณแม่ดิฉันช่วยเลี้ยงให้ตอนกลางวันตอน ดิฉันออกไปทำงานหลังจากลาคลอดได้ 3 เดือน ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ทำให้ดิฉันรู้สึกลึก ซึ้งถึงความเป็นแม่จริงๆค่ะเพราะต้องลำบากในการอุ้มท้อง ไหนจะต้องระวังตัวเอง ให้ดีๆ ไหนต้องเสี่ยงตายในการคลอดลูกอีกเพราะดิฉันเป็นโรคกลัวเข็ม กลัวการ ตรวจภายในมาตลอด และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากๆหลังคลอดเดือนสองเดือนแรก เพราะไม่เคยรู้เลยว่าการไม่ได้นอนเป็นยังไง การต้องทรมานกับการโยเยของลูก

แต่ลูกดิฉันก็จัดได้ว่าเลี้ยงง่ายเพราะจะร้องก็ต่อเมื่อหิวเท่านั้น จะชอบทานนมและ ข้าวต้มตุ๋นมากๆ น้ำหนักตอนนี้ก็เกือบ 10 กิโลแล้วค่ะ ก็กังวลว่าจะมากไปแต่คุณ หมอบอกว่าเค้าตัวยาวค่ะเลยยังไม่เป็นอะไร

ดิฉันชอบ web ของคุณมากค่ะ ต้องเปิดดูทุกวันในที่ทำงานและจะชอบดูรูปเด็กๆค่ะ อาจเป็นเพราะดิฉันเปิดอ่านคอลัมน์ต่างๆทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้นลูกชายเลยแข็งแรงและน่ารัก ขอบคุณจากใจจริงค่ะ

คุณดารณี

***สวัสดีค่ะ
แหมอย่าถือว่าเป็นการสละเวลาตอบจดหมายเลยค่ะ เราคนมีลูกชอบคุยเรื่องนี้อยู่แล้ว พูดถึงเรื่องคลอด ใครๆ ก็กลัวการคลอดทั้งนั้นล่ะค่ะ แต่ถึงกลัวแค่ไหน ก็ต้องทำใจนะคะ เพราะเป็นเรื่องที่เมื่อตั้งครรภ์แล้ว ก็ต้องคลอดบุตร จะให้ใครคลอดแทนก็ไม่ได้ คงต้องเดินหน้ากันล่ะค่ะ ที่เรากลัว เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าศึกษาไว้บ้างถึงขั้นตอนการคลอดบุตร แล้วไปทัวร์ห้องคลอดซะหน่อย ก็จะช่วยให้เรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพียงแต่ว่า เดาไม่ถูกว่าจะเจ็บท้องนานขนาดไหน และเจ็บมากน้อยแค่ไหนน่ะสิคะ ยิ่งถ้าไม่เคย คลอดมาก่อน ฟังคนอื่นเล่า ยังไงก็นึกจินตนาการไม่ออก เอาเป็นว่าตอนนี้ผ่านมาแล้ว ได้ลูกชายตัวน้อยมาเชยชมสมใจแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีต่อลูกชายคนแรกของครอบครัวนะคะ และ...ที่สำคัญคุณดารณีบอกว่า "รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากๆ หลังคลอดเดือนสองเดือนแรก เพราะไม่เคยรู้เลยว่าการไม่ได้นอนเป็นยังไง" ดีแล้วค่ะ นี่คือสัญลักษณ์ของการ แสดงว่าคุณเป็นแม่ที่ดีค่ะ ยอดเยี่ยม!
-แม่อ้อม


สวัสดีค่ะแม่อ้อม
เห็นแล้วค่ะ ดีใจที่ซู๊ด...ดูไปก็หัวเราะคิกคักไปคนเดียว ทนดีใจคนเดียวไม่ไหวต้องไปตามพ่อน้องเจนนี่ให้เข้า มาดูด้วย คุณพ่อน้องเจนนี่เป็นชาวอเมริกันค่ะ อายุ46 ปี แม่ 32 ค่ะ เราอยู่เป็นครอบครัวเล็กๆค่ะ มีกันสามคนพ่อแม่ลูก คุณพ่อเป็นคนดีและน่ารักมากมาก รักลูกเป็นที่หนึ่ง เดี๋ยวนี้แม่เป็นที่สอง:) ช่วยเลี้ยงลูก เล่นกับลูกสารพัด ถ้ารวยสักหน่อยคุณพ่อคงเลิกทำงานไปแล้ว มาแย่งแม่เลี้ยงลูกแทน

ตอนที่ดิฉันตั้งครรภ์ก็ให้กำลังใจมาตลอด กำชับกับใครๆว่า ห้ามทำให้ดิฉันอารมณ์เสียเป็นอันขาด กลัวจะกระทบกระเทือน ถึงลูก :-) เวลาดิฉันไปตรวจสุขภาพครรภ์สามีก็จะพาไปทุกครั้ง ถึงวันคลอดสามีก็อยู่เคียงข้างในห้องคลอดด้วย ช่วงที่พักฟื้นอยู่ โรงพยาบาลสามวัน เวลานางพยาบาลเข้าห้องมาทีไร คงจะ งง ไม่แน่ใจว่าใครเป็นพ่อหรือใครเป็นแม่กันแน่ เพราะหลายครั้ง เห็นแม่นอนที่โซฟา ส่วนพ่อนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับมีลูกน้อยนอนอยู่ แนบอก สามีชอบมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกมาก_____ก

พอรู้ว่า ภรรยาตั้งครรภ์ ก็พยายามศึกษา ค้นคว้า เรื่องราวเกี่ยวกับการ ดูแลเด็ก แม้แต่ท่าการคลอดสามีก็เล่าให้ฟัง พอวันคลอด ท่าคลอด ของดิฉันก็เลยมีหลายท่า ตั้งแต่ท่าคลาน ท่านั่งยองๆ โดยมีคุณหมอกับสามี ช่วยพยุงอยู่คนละข้าง(โดนแซวว่าเหมือนแม้วคลอดลูก) ท่านอนเอน โดยมีสามีช่วยพยุงอยู่ข้างหลัง สิ่งไหนที่เห็นว่ามีประโยชน์ ก็จะนำมาเล่าให้ฟังเสมอ

แหม กลายมาเป็นเล่าเรื่องคุณพ่อแทน แต่ทั้งหมดนั่นคงเป็นเพราะดิฉัน อยากจะเรียนกับคุณแม่และคุณพ่อหลายๆ ท่านว่า สามีมีส่วนช่วย และ เป็นกำลังใจที่ดียิ่งต่อภรรยา สำหรับดิฉันเห็นได้ชัด ก็ตอนเดือนแรกที่ให้ นมลูก ตื่นขึ้นมากลางดึก ให้นมลูกไป ร้องไห้ไป เพราะเจ็บหัวนมมาก แทบจะไปซื้อนมผสมมาชงให้ลูกดูดแทน แต่สามีก็ปลอบ และให้กำลังใจเรื่อยมา จนดิฉันผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ด้วยดี ถึงวันนี้ดิฉันดีใจและภูมิใจมาก ที่ให้ลูกกินนมแม่ ถ้าเทียบกับชีวิตทั้งชีวิตของลูก ระยะเวลาที่ลูกต้องความรัก ความอบอุ่นจากการ ดูดนมจากอกแม่มีแค่นิดเดียวเท่านั้นแม่อ้อมว่าจริงมั้ยคะ

วันนี้ไปร้านหนังสือ เปิดดูนิตยสารบันทึกคุณแม่ มีการแนะนำเวปไซต์ thaiparent.com เป็นปลื้มแทนคุณแม่อ้อมจริงๆ เลยค่ะ พอดีมีรูปลูกสาว อยู่ในนั้น เลยซื้อติดมือกลับบ้านด้วย ถ้าเมล์ฉบับนี้พอมีประโยชน์บ้าง ยินดีให้แม่อ้อมตอบในคอลัมม์ Read your mail ได้นะคะ เวลาดิฉันออนไลน์ ทุกครั้งต้องเข้าไปที่ thaiparent.com เสมอ แล้วดิฉันจะไปเช็คดูเรื่อยๆค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่อ้อมค่ะ

คุณแม่น้องเจนนี่


***สวัสดีค่ะ
ดีใจมากเลยค่ะที่ทราบว่าคุณแม่ตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกสาว Online และดีใจมากที่ทราบว่าคุณพ่อก็มาชื่นชมลูกสาวด้วย จริงค่ะ! คุณพ่อมีส่วนอย่างมากในการให้กำลังใจคุณแม่ตั้งใจทำสิ่งต่างๆ ที่ดีๆ ให้กับลูกได้สำเร็จลุล่วงสมความตั้งใจ โดยเฉพาะการให้นมลูกหรือการเป็นกำลังใจระหว่างการคลอด ได้พบเห็น และรับรู้ถึงความยากลำบากของคุณแม่พร้อมกัน อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามีสุขและมีทุกข์ร่วมกันนะคะ

และขอแสดงความยินดีด้วยอย่างยิ่งค่ะ ที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ขอให้ - ให้นมแม่จนกระทั่งลูกสาวอายุครบ 1 ขวบเลยนะคะ ดิฉันเองก็เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ค่ะ ภูมิใจมากเหมือนกัน แต่กว่าจะมีน้ำนมให้ลูกได้ก็ใช้เวลาเกือบอาทิตย์ เพราะผ่าตัดคลอด และน้ำนมยังไม่มาเสียที ลูกก็ดูดอยู่นั่นแล้ว จนลูกเองก็โมโห และร้องกวนมาก แต่ก็อดทนและตั้งใจให้นมแม่อยู่นั่นแหล่ะ จนพยาบาลยังยกนิ้วให้ เพราะผ่านมาที่เตียงดิฉันทีไร จะเห็นภาพดิฉันนั่งให้ลูกดูดนมอยู่ตลอดเวลา ให้นมไปร้องไห้ไป เพราะเจ็บ แต่ในที่สุดน้ำนมก็มา พร้อมกับน้ำตาแม่เหือดแห้งไป กลายเป็นรอยยิ้มของทั้งแม่และลูกมาแทนที่...แม่สุขใจที่ได้ให้นมแม่ - ลูกก็สุขใจที่ได้หม่ำนมแม่... happy ending ค่ะ

ขอบคุณที่อนุญาตให้ลงจดหมายนะคะ ถ้าว่างก็ขอเชิญเขียนมาคุยได้อีกค่ะ บอกแล้วว่า...คุยเรื่องแม่ๆ ลูกๆ นี่ถูกใจที่ซู๊ด
-แม่อ้อม



I've heard this sad new this morning. As I'm one of the parents who has 1 daughter and 1 son, may I express my deep and sincere sympathy at such a tragic loss to your co-worker and her family. If I can be of any help to her, please tell me. We should try to encourage every parent to put their kids on the car seat, and Thailand should have the law about safety car seat for children, s hould not allow kids to sit at the front seat.

- Bongkojkes (posted on 12 June 00)



สวัสดีค่ะ คุณแม่อ้อม

ส่งคำตอบมาแล้วนะคะ ดีใจที่สุดที่ได้กำลังใจจากคุณแม่อ้อม ขอบพระคุณมากนะคะ ตอนนี้มีพลังที่จะต่อสู้อีกหลายเท่าเลย ข้อมูลทั้งหมดนี้จะลง Meet my baby ใช่มั๊ยคะ จะรอชมนะคะ ตื่นเต้นจังเลย คิดว่าคงไม่ต้องส่งรูปไปอีกนะคะ หรือถ้าผิด พลาดอย่างไร จะคอยเช็คดูและจะส่งไปให้อีกก็ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความปรารถนาดีทั้งหมด ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

คุณแม่น้องข้าวตู



สวัสดีค่ะ
คงงงที่อยู่ๆ จะมาอ่านจดหมายอะไรกัน คืออย่างนี้ค่ะ หลังจากที่ได้ขอร้องให้ช่วยเขียนแนะนำ กันหน่อย ก็มีจดหมายเข้ามาแนะนำ, พูดคุยกัน เลยคิดว่าน่าจะนำมาลงให้อ่านด้วยกัน เพราะไหนๆ ก็อยู่ในแวดวงการงานเดียวกันแล้วนะคะ - จะเป็นไรไป ตำแหน่งงานอะไรเหรอคะ อ๋อ! ก้องานเลี้ยงลูกไงคะ...นี่ล่ะค่ะ งานสร้างชาติทีเดียวนะคะ เราเลี้ยงลูกด้วยความรักและความอบอุ่น สอนสิ่งที่ดีและถูกต้องให้ลูก... สอนให้ลูกเราเติบโตขึ้นเป็นคนดี ชาติเราก็มีอนาคตที่ดีค่ะ ...จะว่าไปแล้วอนาคตของชาติอยู่ในมือเราเชียวนะคะ....อ้าว! ไม่รู้มาถึงนี่ได้ยังไง...เปิดจดหมายอิเล็คตะระนิคส์คุยกันดีกว่าค่ะ (วุ้ย เรียกไม่ค่อยจะถูก ยาย...แก่แล้ว)



สวัสดีค่ะคุณแม่อ้อม
ตื่นเช้าขึ้นมาก็มีคนถามเรื่องลูกเลยเชียวนะคะ แต่ก็เป็นของโปรดของเหล่าบรรดาคุณแม่อยู่แล้วล่ะค่ะ ใครถามเรื่องลูกล่ะก็ อุ๊ยคุยได้ไม่มีวันเบื่อ จนเดี๋ยวนี้คนที่ทำงานเริ่มตีตัวออกห่างไปหลายคนแล้วค่ะ เพราะจนลูกขวบหนึ่งแล้วยังไม่เลิกเห่อเสียที แหมก็ลูกคนแรกนี่คะเลิกเห่อได้ซะเมื่อไหร่ ทุกครั้งที่เจอกันต้องมีเรื่องแปลกๆ ใหม่ ๆ ให้ตื่นเต้นปนตลก ทุกทีไป

อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยค่ะ เพราะดิฉันเป็นหนึ่งในบรรดา working moms ค่ะ จึงต้องให้คุณยาย (ซึ่งเป็นอาของดิฉันและเคยเลี้ยงดิฉันตอนแบเบาะด้วย) ช่วยเลี้ยงมานีให้ ดังนั้นพ่อแม่และลูกจึงต้องอยู่ห่างกัน แต่ใจไม่เคยห่างเลยนะ ดิฉันกับสามีต้องมาทำงานในกทม. แล้วลูกก็ต้องอยู่ชัยนาทกับคุณยาย ก็ยังโชคดีที่อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่ เดินทางสัก 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้ว แล้วยิ่งโชคดีอีกที่ทั้งตาและยายรักเด็กผู้หญิงด้วย โดยเฉพาะมานีนี่คุณตาไม่ยอมให้ร้องเลย แล้วทั้งสองคนก็เอาอกเอาใจมานีเหลือเกินจนดิฉันเริ่มเป็นห่วงบ้างแล้วสิ ทุกเย็นวันศุกร์ดิฉันก็จะกลับไปหาลูกทันที พอเย็นวันอาทิตย์หลังจากลูกเข้านอนแล้วเราก็เดินทางกลับด้วยน้ำตาทุกทีไป จนทุกวันนี้ดิฉันก็ยังร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องจากลูก ก็แปลกดีค่ะดิฉันไม่เคยร้องไห้ง่าย ๆ เลย แต่ตั้งแต่เริ่มท้องลูกคนแรกจนเดี๋ยวนี้ (กำลังตั้งครรภ์คนที่สองอยู่ 6 เดือนแล้วค่ะ) กลายเป็นคนขี้แยไปเลย แค่เห็นเด็กน้อยในละครทีวีถูกทำร้าย หรือตัวละครที่กำลังตั้งท้องแล้วมีอันต้องแท้ง ดิฉันก็น้ำตาร่วงเอาร่วงเอา

วันก่อนดิฉันเช่าวีดีโอเรื่องนางนากมาดู นางนากคลอดลูกตายกลายเป็นวิญญาณมาอุ้มลูกคอยสามี โอ้โหดิฉันน้ำตาร่วงจนรู้สึกตัวอีกทีก็ทิชชู่กองเต็มพื้นนั่นแหละค่ะ เพราะสงสารลูกนางนากที่ต้องตายไปด้วย ไม่รู้อะไรจะอ่อนไหวขนาดนั้น ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยจริง ๆ

...แม่มานี

***คุณมีเพื่อนแล้วค่ะ ดิฉันเองมีลูก 2 คน ลูกสาวคนโตอายุ 3 ขวบครึ่ง คุณปู่คุณย่าก็เลี้ยงอยู่ที่ต่างจังหวัดเหมือนกันค่ะ แต่คุณโชคดีกว่าตรงอยู่ใกล้กว่า และเดินทางไปเยี่ยม ได้ทุกอาทิตย์ ส่วนของดิฉันอยู่ไกลกว่า ทุกเดือนดิฉัน ต้องขึ้นเครื่องไปเยี่ยม ไม่งั้นกลับมาทำงานวันจันทร์ไม่ทันค่ะ แต่ปัจจุบันคุณย่าพาลูกสาวเดินทางมาเยี่ยมดิฉันแทน เพื่อจะได้อยู่นานๆ หน่อย ลูกสาวดิฉันก็ร่าเริง แจ่มใสดี และรักดิฉันม๊ากมาก...ประมาณ 5 ขวบก็จะมาอยู่ด้วยกันแล้วค่ะ ส่วนลูกคนที่สองดิฉันเลี้ยงเอง... เป็นไงคะ แต่ละบ้านก็ไม่ เหมือนกันหรอกค่ะ factor คนละอย่าง ขอให้คุณมีความรัก ลูกอย่างจริงใจและมั่นใจในความความรักลูกของคุณก็พอ... อยู่บ้านเดียวกัน แต่ลูกไม่เคยเห็นหน้าคุณแม่เลย ก็มีเยอะแยะไปค่ะ....*** - แม่อ้อม



สวัสดีค่ะคุณแม่อ้อม
ติดตามเวปไซต์นี้หลายเดือนแล้ว เข้าชมเกือบ ทุกวันเวลาว่างๆ จากที่ทำงานควบคู่ไปกับ thaibaby.com ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนแล้ว อยากแนะนำให้มีรูปภาพและรายละเอียดของทารกใน แต่ละเดือนและการเปลี่ยนแปลงในตัวคุณแม่ให้ชัดเจนกว่านี้ เพราะตั้งท้องคนแรก ไม่ค่อยทราบวิธีปฏิบัติตัวค่ะ

บางทีอ่านหนังสือเล่มเดียวไม่พอ ยังอยากทราบเพิ่มเติมค่ะ แล้วเรื่องอาหารการกินด้วยค่ะ หลายคนบอกให้กินอย่างนี้ อีกคนห้ามเลยไม่ทราบว่าจะเชื่อใครดี เพราะช่วงนี้คนท้องเยอะ คุณหมอไม่ค่อยมีเวลาให้กับคนไข้มากนักในการไปพบ กันแต่ละครั้ง...และอยากให้แทรกเรื่องสุขภาพ ความงาม แฟชั่นของผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาด้วย นอกจากเรื่องของผู้หญิง ตั้งครรภ์หรือมีลูกเล็กๆ อย่างในขณะนี้....

จะคอยเป็นกำลังใจให้ทีมงานทุกท่านและขอขอบคุณที่ให้ สาระประโยชน์กับคุณแม่ทุกคนค่ะ...

...จิ๊บ

***ยินดีทำตามความประสงค์นะคะ แต่ขอเวลาหน่อยค่ะ เพราะทีมงานก็มีอยู่หนึ่งท่านนี่แหล่ะค่ะ และขอบคุณค่ะ...ขอบคุณค่ะ...***

แม่อ้อม



Dear Mae Aom
Here are some comments and suggestions:
1 Very informative
2 Please add more baby and kids' pictures. It would be more attractive for dads and moms (being a parent web) to see photos of their kids.
3 Keep up the good work. I am amazed you manage the web on a "one mom show" basis.

...Peak's mom

***Thank you for your comments and your support. That's right I manage the web on my own but I can't accomplish this if it's not because of these 2 people whom I'd like to forward my sincerely thanks to them. One is my husband who helps me a lot on the technical stuffs (thanks Nat!) and my nanny who helps me taking good care of my kid and let me typing, reading, surveying and researching stuffs for you.*** - Mae Aom





More letters will be published later - จดหมายฉบับอื่นๆ จะนำมาลงให้อ่านกันอีกนะคะ (ถ้ามีเข้ามาอีก...) แต่ถ้าไม่ต้องการให้นำลงก็แจ้งความประสงค์มาได้ค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนค่ะ See you later! แม่อ้อม


อ่านเมล์เดือนสิงหาคม 43 (คลิกที่นี่)
อ่านเมล์เดือน กันยายน 43 คลิกที่นี่
อ่านเมล์เดือนตุลาคม 43 (คลิกที่นี่)
อ่านเมล์เดือน พฤศจิกา-ธันวา 43 คลิกที่นี่



visit our sponsor
visit our sponsor


Home | ข่าวสุขภาพ | การตั้งครรภ์-การคลอด | การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ | ทารกแรกเกิด - ๑ ขวบ
เด็กวัย ๑-๕ ขวบ | Working Mom | การเงินในครอบครัว | สาระน่ารู้ภายในบ้าน | Dad's Corner


maeaom@hotmail.com
Thaiparents.com 2000
All rights reserved